เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ธุรกิจ E- Commerce เข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากภาคธุรกิจอย่างบริษัท Alibaba ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ E-Commerce ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก หรือถ้าในประเทศไทยของเราธุรกิจประเภท E-Commerce ที่เห็นได้ชัด และเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักอย่างเช่น Lazada และ Shopee ที่ปัจจุบันถือเป็นผู้นำทางด้านแพลตฟอร์มตลาด E-Commerce ของประเทศไทยไปแล้ว
ทั้งนี้ธุรกิจ E- Commerce ยังเป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยผู้ประกอบการ SME เนื่องจากเป็นช่องทางการขายที่มีต้นทุนต่ำ แต่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย จึงไม่แปลกที่ธุรกิจ E-Commerce จะเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งแท้จริงแล้วธุรกิจประเภท E-Commerce ยังมีข้อดีอีกมาก หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังตัดสินใจว่าจะเอาสินค้าหรือบริการของตนเข้าธุรกิจ E-Commerce หรือไม่ วันนี้เรามีข้อดีของการทำธุรกิจแบบ E-Commerce มาฝากให้กับคุณ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ประโยชน์ของการทำธุรกิจแบบ E-Commerce สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจควรต้องรู้
ในช่วง 3-5 ปี ที่ผ่านมา บทบาทของร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เห็นได้จากปัจจุบันผู้คนเลือกที่จะซื้อสินค้าและบริการด้วยช่องทางออนไลน์ เพราะมีความสะดวกมากกว่า อย่างไรก็ดี บทบาทของหน้าร้านยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ต้องเริ่มเปิดช่องทางการขายออนไลน์ เข้าสู่วงจรธุรกิจ E-Commerce นั่นเอง ซึ่งประโยชน์ของการทำธุรกิจประเภท E-Commerce มีดังนี้ 1. ดำเนินธุรกิจได้สะดวกและง่ายดาย
E-Commerce ช่วยให้สินค้าของคุณเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Catalog Online ให้ผู้บริโภคประหยัดเวลาในการค้นหาสินค้า ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูสินค้า สามารถเลือกดูสินค้าได้ตลอดเวลาตามความต้องการของผู้บริโภค มีตัวเลือกที่หลากหลาย รวดเร็ว สะดวก และใช้งานง่าย ครบจบในที่เดียว สะดวกทั้งผู้ซื้อ สบายทั้งผู้ขาย 2. ประหยัดต้นทุนและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
การลงทุนร้านค้าออนไลน์ค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำกว่าร้านค้าแบบที่มีหน้าร้าน เนื่องจากการใช้งานผ่านโลกอินเทอร์เน็ตมีความง่าย เพียงแค่ไม่กี่คลิกก็สามารถติดตั้งร้านค้าผ่านออนไลน์ได้ทันที ประหยัดค่าเช่าพื้นที่สำหรับการขาย ประหยัดเงินในการจ้างพนักงานเฝ้าร้าน ยิ่งไปกว่านั้นระบบ E-Commerce ค่อนข้างเป็นระบบสำเร็จรูปให้คุณ ไม่ต้องคอยดูแลลูกค้า สามารถบริการลูกค้าได้จำนวนมากด้วยต้นทุนที่ต่ำ 3. ทำให้การจัดการของกิจการธุรกิจมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบ E-Commerce สามารถควบคุมได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้ สามารถปรับแต่งหรืออัปเดตข้อมูลได้ตามความต้องการ มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือทางด้านบัญชีจัดการให้คุณโดยอัตโนมัติ มีระบบแจ้งเตือนสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้เจ้าของธุรกิจหมดกังวลเรื่องประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ ให้ธุรกิจ E-Commerce ของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรติดตั้งระบบ MICROSOFT DYNAMICS 365 BUSINESS CENTRAL
สำหรับธุรกิจไหน หรือองค์กรขนาดใหญ่เจ้าไหน ต้องการทำธุรกิจภายใต้แพลตฟอร์ม E-Commerce การจะนำสินค้าหรือการบริการเข้าระบบแพลตฟอร์ม E-Commerce เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เนื่องจากขอบเขตมีขนาดใหญ่ มีรายละเอียดที่ต้องลงลึก มีระบบที่ซับซ้อนมากขึ้น จำเป็นต้องเสริมประสิทธิภาพให้สมบูรณ์ และครบจบในที่เดียว เราขอแนะนำ ระบบ Microsoft Dynamics NAV หรือที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft Dynamics 365 Business Central ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning)
โดย Microsoft Dynamics 365 Business Central เป็นระบบที่ช่วยรวมศูนย์กลางการทำงาน จัดการระบบให้เป็นในทิศทางเดียวกัน สามารถปรับการทำงานได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งระบบยังถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับทุกแผนกไม่ว่าจะเป็น Sale, Purchase, Service, Operation, Accounting & Finance และแผนกอื่นๆ
นอกจากนี้หากคุณเชื่อมระบบ Microsoft Dynamics 365 Business Central กับแพลตฟอร์ม E-Commerce ของคุณ ระบบจะแสดงสถานะของสินค้าแบบ Real-Time ไม่ว่าจะเป็น จำนวนคลังสินค้า ข้อมูลติดตามผลแก่ลูกค้าของคุณ สถานะการสั่งซื้อ และธุรกรรมทางการเงิน
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าระบบนี้เปรียบเสมือนศูนย์กลางการทำงาน ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ลดเวลาในการจัดการ เนื่องจากขอบเขตการทำงานที่กว้าง มีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานได้ อีกทั้งระบบแพลตฟอร์ม E-Commerce กับองค์กรที่มีขนาดใหญ่ รายละเอียดในการจัดการมีความซับซ้อนอยู่ในตัว ดังนั้นการมีระบบ Microsoft Dynamics NAV หรือ Microsoft Dynamics 365 Business Central จะเข้ามาเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำงาน และอาจเป็นอีกโอกาสที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตตามเทคโนโลยีที่พัฒนานั่นเอง
