ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสจากเครือข่าย GVN นำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดในการต่อสู้โควิด-19 พร้อมวางกลยุทธ์เตรียมรับมือโรคระบาดในอนาคต
การตรวจวินิจัยฉัยที่รวดเร็ว การนำยาที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ และการใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด คือปัจจัยสำคัญในการบรรเทาความรุนแรงของโควิด-19
Global Virus Network (GVN) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของศูนย์วิจัยทางการแพทย์และไวรัสวิทยาพื้นฐานชั้นนำจากทั่วโลก ที่ทำงานเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัส ได้จัดการแถลงข่าวโดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังจากทั่วโลก เพื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญจากการประชุมวิสามัญประจำปีซึ่งจัดขึ้นทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 23-24 กันยายน 2563
สามารถดูวิดีโอการแถลงข่าวฉบับเต็มได้ที่ https://gvn.org/global-virus-network-international-press-conference-september-24-2020/
“เราไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นอย่างไรในอนาคต การติดเชื้ออาจเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล หรืออาจมีการติดเชื้อเรื้อรังเกิดขึ้น หรืออาจมีการชะลอตัวลงก็เป็นได้” Dr. Christian Brechot ประธาน GVN กล่าว “แต่เรารู้ว่า เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่หลังการระบาดสิ้นสุดลง เวลานี้จึงเหมาะมากที่เราจัดการประชุมวิสามัญประจำปีเพื่อรวมพลังผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศให้มาช่วยกันค้นหาและวิเคราะห์สิ่งที่ทำผิดพลาดไป สิ่งที่จัดการได้อย่างเหมาะสม และข้อเสนอแนะที่เราสามารถนำเสนอด้วยความมั่นใจ”
ผลการค้นพบสำคัญจากการประชุมว่าด้วยการวิจัยโรคโควิด-19 และเชื้อ SARS-CoV-2
- “Super Spreaders” และ “Super Spreading” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ติดเชื้อกลุ่มเล็ก ๆ สามารถแพร่เชื้อในวงกว้าง โดยการแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยเมื่ออยู่ใกล้กันมีส่วนช่วยกระจายเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในบริบทของเหตุการณ์ Super Spreading
- กลยุทธ์หลักในการจัดการโรคระบาดประกอบด้วย การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการวินิจัยฉัยโรคให้มากขึ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมโรคติดเชื้อ, การเก็บตัวอย่างน้ำลายจะเพิ่มศักยภาพในการตรวจสอบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในโรงเรียน, การทดสอบเชิงโมเลกุลที่รวดเร็วและมีราคาถูก ร่วมกับการส่งผลการตรวจในรูปแบบดิจิทัล, การติดตามและกักตัวควรให้ความสำคัญในวงกว้าง, การสร้างความเข้าใจเรื่องการติดต่อและการแพร่เชื้อ และที่สำคัญที่สุดคือ การตอบสนองอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เพื่อสร้างกลไกการแบ่งปันข้อมูลในกลุ่มนักไวรัสวิทยาและหน่วยงานอิสระจากทั่วโลก
- การประเมินการพัฒนาวัคซีน ทั้งในส่วนของระยะเวลา ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง และการจัดการกับความคาดหวังของทั่วโลกที่ต้องการวัคซีนที่น่าพอใจอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จนกว่าจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน วัคซีนที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดของร่างกาย เช่น วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดกินและวัคซีนป้องกันวัณโรค ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันการติดเชื้อ
- การแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งอย่างมากกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเชื้อ SARS-CoV-2 อันเป็นผลมาจากการปั่นกระแสของคนบางกลุ่ม
- การอัปเดตข้อมูลการรักษาทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยเน้นย้ำความจำเป็นในการรวมโมเลกุลต่อต้านไวรัสกับโมเลกุลควบคุมระบบภูมิคุ้มกันเข้าด้วยกัน รวมถึงความจำเป็นในการพิจารณายาต้านไวรัสที่สามารถป้องกันไวรัสได้หลายชนิดในอนาคต
Dr. Brechot ซึ่งเป็นศาสตราจารย์จาก University of South Florida ในเมืองแทมปา กล่าวเสริมว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่วิกฤตเท่านั้น แต่ถือเป็นยุคใหม่ที่มีความท้าทายมากมายรออยู่ข้างหน้า เราจึงจำเป็นต้องจัดตั้งองค์กรใหม่เดี๋ยวนี้ เพราะความร่วมมือจากทั่วโลกจะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ GVN จึงมีความสำคัญมาก โดยจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหน่วยงานระดับชาติและนานาชาติ ทั้งนี้ GVN และพันธมิตรทั้งหมดพร้อมที่จะจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือ Viral Pandemic Readiness Alliance เพื่อสนับสนุนความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และชุมชน โดยจะพยายามและหาทางออกไปด้วยกัน”
“วัคซีนชนิดกินที่มีราคาไม่แพง ปลอดภัย และใช้ง่าย อย่างวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ จะมีประโยชน์ในวงกว้างในการต่อสู้กับโควิด-19 และมีแนวโน้มว่าจะถูกนำไปใช้เมื่อเกิดโรคระบาดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ด้วยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด ซึ่งใช้ได้ทันทีและไม่มีจำกัดเหมือนกับวัคซีนเฉพาะโรค” Dr. Robert Gallo ผู้ร่วมก่อตั้ง GVN, ศาสตราจารย์พิศิษฐ์สาขาแพทยศาสตร์จาก The Homer & Martha Gudelsky, ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการ Institute of Human Virology at the University of Maryland School of Medicine กล่าว
Dr. Gallo ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการค้นพบรีโทรไวรัสในมนุษย์ รวมทั้งร่วมค้นพบเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ และพัฒนาการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี กล่าวเสริมว่า “ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรมีค่าไปกว่าการทดสอบเชิงโมเลกุลราคาไม่แพงและทำได้ที่บ้านในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง เราต้องสามารถติดตามผล เราต้องสามารถติดตามคน และเราต้องสามารถให้ความรู้ นี่เป็นเรื่องพื้นฐาน และเราทำอะไรไม่ได้เลยหากปราศจากสิ่งนี้ ผมคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการตรวจวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วและเชื่อถือได้”
ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมและเข้าร่วมการแถลงข่าวกับ Dr. Brechot ประกอบด้วย
- Dr. Linfa Wang จาก Duke-NUS Medical School สิงคโปร์
- Dr. Konstantin Chumakov จาก FDA Office of Vaccines Research and Review สหรัฐอเมริกา
- Dr. Ab Osterhaus จาก TiHo Hannover เยอรมนี
- Dr. Johan Neyts จาก Rega Institute เบลเยียม
- Dr. Raymond Schinazi จาก Emory University สหรัฐอเมริกา
สามารถดูโปรแกรมการประชุมได้ที่ https://gvn.org/events/gvn-special-annual-meeting-2020/
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1179678/GVN_Logo.jpg
