น้ำเซาะทราย เป็นนวนิยายบทประพันธ์โดย
กฤษณา อโศกสิน นักเขียนรางวัลซีไรท์และศิลปินแห่งชาติ เป็นเจ้าของบทประพันธ์ชื่อดัง
สวรรค์เบี่ยง ดวงตาสวรรค์ เมียหลวง เป็นนิยายที่สะท้อนปัญหาครอบครัวและการต่อสู้ของผู้หญิงเพื่อเรียกร้องสิทธิความชอบธรรม และทำให้เห็นภาพอันชัดเจนของคนที่ผิดศีล คือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสามีคนอื่น
เรื่องราวของครอบครัวของ
ภีม และ
วรรณรี เป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง วรรณรีมีอาชีพเป็นครู ภีมเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย ทั้งสองมีลูกสาวและลูกชายได้แก่
เด็กหญิงปอ และ
เด็กชายป่าน วรรณรีเป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวเองมากและจริงจังเคร่งครัดกับชีวิตและครอบครัวแต่ต่างฝ่ายต่างอดทนเพื่อลูก จนกระทั่ง
พุดกรอง เพื่อนสนิทของวรรณรี ม่ายสาวสวยซึ่งสามีเสียชีวิตทิ้งสมบัติมากมาย เดินทางกลับเมืองไทยหลังจากไปเยี่ยมลูกชายที่ต่างประเทศ ได้พบกับ
พงษ์สนิท พ่อม่ายที่มาติดพันพุดกรอง พงษ์สนิทให้พุดกรองได้พบกับภีมและวรรณรี พุดกรองรู้จักกับภีมมาก่อนตอนสมัยเรียนหนังสือเพราะภีมเคยเป็นลูกจ้างของพร้อม สามีสูงอายุของพุดกรองและพุดกรองก็เป็นคนแนะนำภีมให้รู้จักกับวรรณรี ทั้งสองกลับมาสนิทสนมกันอีกครั้ง ขณะที่พุดกรองกำลังรู้สึกเหงาและว้าเหว่ ภีมเองก็กำลังเบื่อหน่ายชีวิตครอบครัวอยู่ ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันจนกระทั่งวรรณรีจับได้ ปัญหาทั้ง 3 คนจึงเกิดขึ้นโดยมีพงษ์สนิทเป็นคนคอยยุยงวรรณรีและแนะนำให้วรรณรีเปลี่ยนแปลงตัวเองพร้อมทั้งดึง
พลตรีทวยหาญ พ่อม่ายอีกคนหนึ่งเข้ามาสนิทสนมกับวรรณรีด้วย ทวยหาญช่วยให้วรรณรีเข้มแข็งขึ้น ภีมไม่พอใจอย่างมากเพราะวรรณรีทำท่าไม่สนใจเขาเลย แม้กระทั่งเมื่อรู้ข่าวว่าพุดกรองกำลังจะมีลูกกับภีม ดังนั้นภีมจึงไม่ยอมหย่ากับวรรณรีทำให้พุดกรองเสียใจมาก ปอ ลูกสาวของวรรณรีได้ติดต่อกับจ้าน ลูกชายของพุดกรอง ความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ พุดกรองรู้ว่าวรรณรีกำลังจะเป็นผู้ชนะ ทั้งๆที่วรรณรีไม่ได้รักภีมอย่างที่เคยรักอีกแล้ว เมื่อเธอคลอดลูกชายพุดกรองตัดสินใจพาลูกคนเล็กและจ้านไปอเมริกา พุดกรองขออดหสิกรรมจากวรรณรีและวรรณรีก็ดีพอจะยอมยกโทษให้ ส่วนภีมก็ต้องกลับไปอยู่กับวรรณรีโดยที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้แก่กันอีกแล้ว
และด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นสะท้อนสังคม จึงถูกนำมาทำเป็นละครหลายครั้งเลยทีเดียว 
เริ่มแรกบทประพันธ์
น้ำเซาะทราย ได้ถูกนำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 4 บางขุนพรหม ในปี
พ.ศ. 2506 สร้างโดย อารีย์ นักดนตรี นำแสดงโดย
กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบท
ภีม สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบท
วรรณนรี อารีย์ นักดนตรี รับบท
พุดกรอง ละครน้ำเซาะทรายที่สร้างช่อง 4 บางขุนพรหมครั้งแรกวางตัว กำธร-สุพรรณ(วรรณนรี) และตัวพุดกรองตัวเอกยังไม่ลงตัว เดิมตั้งใจให้คุณสวลีมารับบทนี้ แต่คุณสวลีหยุดเล่นละครไปนาน ร้อง
เพลงอย่างเดียว ต่อมาเมื่อพิจารณาบทแล้วเป็นตัวเอกของเรื่อง แม้ว่าเหมือนเป็นตัวร้าย คนจะเกลียด เพราะเป็นตัวสร้างปัญหา จึงหาคนรับเล่นยาก แล้วต้องมีบุคลิกเด่น สง่า เป็นสาวใหญ่สูงวัยไปหน่อยด้วย สุดท้ายคุณอารีย์รับเล่นเอง และตั้งใจเล่นเป็นเรื่องสุดท้าย ก่อนไปทำ
งานเบื้องหลัง ทีมงานและแฟนๆชื่นชมเมื่อละครออกอากาศ เพราะเป็นการพลิกบทของคุณอารีย์ได้น่าชม และคุณอารีย์รับเล่นเมียหลวงในบท ดร.วิกันดา ตามมาเป็นเรื่องสุดท้ายจริงๆ
พ.ศ. 2516 ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรก สร้างโดย
แหลมทองภาพยนตร์ อำนวยการสร้างโดย
ทองปอนด์ คุณาวุฒิ กำกับและบทภาพยนตร์โดย
วิจิตร คุณาวุฒิ
นาท ภูวนัย รับบท
ภีม
มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช รับบท
วรรณนรี
วันดี ศรีตรัง รับบท
พุดกรอง
สายัณห์ จันทรวิบูลย์ รับบท
พงษ์สนิท 
ร่วมด้วย
คธา อภัยวงศ์ (พลตรีทวยหาญ), มารศรี ณ บางช้าง (คุณหญิงพรรณราย), ด.ญ.มนฤดี ยมาภัย (เด็กหญิงปอ), ด.ช.สยาม สังวริบุตร (เด็กชายป่าน) มีเพลงประกอบ
แต่งโดยครูพยงค์ มุกดา ขับร้องโดย สมภพ คงสถิตย์ธรรม
ภาพยนตร์เข้าฉายเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2516 ฉายครั้งแรกที่ศาลาเฉลิมกรุง และภาพยนตร์ได้รับ
รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ตุ๊กตาทอง สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2516-17 พ.ศ. 2522 ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 จัดโดยกนกวรรณ ด่านอุดม ในนามของรัศมีดาวการละคร เพลงประกอบขับร้องโดย เพ็ญศรี พุ่มชูศรี นำแสดงโดย
ชนะ ศรีอุบล รับบท
ภีม วงเดือน อินทราวุธ รับบท
วรรณนรี กนกวรรณ ด่านอุดม รับบท
พุดกรอง ประจวบ ฤกษ์ยามดี รับบท
พงษ์สนิท คุณกนกวรรณเล่นเป็นเมียน้อย ดึงคุณ
พวงเดือน อินทราวุธ ซึ่งกำลังดังจากบท "ดร.วิกันดา" ในภาพยนตร์
เมียหลวง (2521) มาเล่นเป็น
วรรณนรี เมียหลวง ซึ่งกนกวรรณอายุมากกว่าวงเดือนราว 10 ปี แต่เล่นเป็นเพื่อนกัน ส่วนพระเอกดึงพระเอกเก่าคือชนะ ศรีอุบลมาเล่น
กนกวรรณ รับบท พุดกรอง เมียน้อยเป็นการฝากฝีมือเพราะเล่นเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนหยุดไปเป็นผู้จัดละครอย่างเดียวแต่ทิ้งทวนได้สมบทบาท