|
10 เหตุการณ์เครื่องบินหาย-ตก ที่ลึกลับและแปลกที่สุดในโลก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เรียกความสนใจจากคนทั้งโลกได้ในชั่วไม่กี่ชั่วโมง กับการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH370 ซึ่งสูญหายไปพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต โดยสัญญาณการติดต่อหายไปจากจอเรดาร์ขณะบินอยู่เหนือทะเลจีนใต้ทางตะวันออกของมาเลเซีย ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 ปัจจุบันการค้นหายังคงเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางคำถามที่ค้างคาใจทุก ๆ ฝ่ายว่า เครื่องบินทั้งลำ จู่ ๆ จะหายไปโดยไม่ปรากฏร่องรอยอะไรไว้เลยได้อย่างไรกัน แต่อย่างไรก็ดี นอกจากกรณีของเครื่องบินจากสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สนี้แล้ว ก็ยังมีสถานการณ์คล้าย ๆ กันที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้า มีทั้งที่สาเหตุการตกคลี่คลายได้แล้ว และที่เป็นปริศนาต่อไป ไม่มีใครทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมแห่งความสูญเสีย ลองมาดู 10 เหตุการณ์เครื่องบินหายและเครื่องบินตกที่ลึกลับและแปลกที่สุดในโลก ที่เว็บไซต์มิเรอร์ได้รวบรวมเอาไว้ดังต่อไปนี้กันค่ะ
1. การหายไปอย่างไร้ร่องรองของอะเมเลีย เอียร์ฮาร์ท ขณะบินสำรวจโลก
|
|
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
1. การหายไปอย่างไร้ร่องรองของอะเมเลีย เอียร์ฮาร์ท ขณะบินสำรวจโลก
อะเมเลีย ล็อกฮาร์ท
อะเมเลีย เอียร์ฮาร์ท ชาวอเมริกัน นักบินหญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกได้สำเร็จ ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะบินอยู่เหนือบริเวณเกาะฮาวแลนด์ ทางตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมกับ เฟร็ด นูแนน สหายนักสำรวจ ขณะนำเครื่องบินล็อกฮีด อิเล็กทรา บินสำรวจโลก เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1937
ชะตากรรมของทั้งคู่เป็นอย่างไรยังคงเป็นปริศนา บ้างว่าเชื้อเพลิงเครื่องบินหมดกลางทาง และตกลงสู่มหาสมุทรเบื้องล่าง บ้างว่าเพราะเธอเป็นสายลับให้ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ จึงถูกจับไว้โดยชาวญี่ปุ่น บ้างก็ว่าเครื่องบินตกแถบชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น นักบินบาดเจ็บ และเสียชีวิตในที่สุด ร่างของทั้งคู่ถูกกินและย่อยไปโดยปูชายฝั่งที่มีมากมาย บ้างบอกว่าเธออาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งในนิวเจอร์ซี แต่เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไปแล้ว และแม้กระทั่งที่เชื่อว่าทั้งคู่ถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาวก็มีเช่นกัน ซึ่งประการหลังสุดนี้ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างละครโทรทัศน์ตอนหนึ่งของ Star Trek : Voyager ในปี 1995 ด้วย
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
2. การหายสาบสูญของเกล็น มิลเลอร์ เหนือช่องแคบอังกฤษ
เกล็น มิลเลอร์
เกล็น มิลเลอร์ นักดนตรีแจ๊สชาวอเมริกัน ในฐานะหัวหน้าวงดนตรีแอร์ฟอร์ซแบนด์ ของกองทัพสหรัฐฯ ทำหน้าที่ผู้มอบเสียงเพลงและความรื่นรมย์ให้แก่กองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงฤดูร้อนของปี 1944
มิลเลอร์ใช้เวลาในค่ำคืนสุดท้ายของชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านมิลตัน เอิร์นเนส ในมณฑลเบดฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ โดยไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าเครื่องบินเครื่องยนต์เดี่ยวที่เขาโดยสารในวันรุ่งขึ้น จะพาเขาหายสาบสูญไปบริเวณเหนือช่องแคบอังกฤษ ในวันที่ 14 ธันวาคม 1944 ขณะกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปทำหน้าที่ต่อที่ประเทศฝรั่งเศส
มีการคาดเดาสาเหตุของการหายสาบสูญของมิลเลอร์ไปต่าง ๆ นานา หลายกระแสเชื่อว่าเครื่องบินลำที่เขานั่งถูกลูกหลงจากฝ่ายเดียวกันเอง หลังจากที่เครื่องบินทิ้งระเบิด แลงคาสเตอร์ บอมเบอร์ เพิ่งได้รับคำสั่งยกเลิกการจู่โจมเมืองซีเก้น ของเยอรมัน และให้ทำลายระเบิดเพลิง 100,000 ลูก ที่เหนือช่องแคบอังกฤษก่อนบินกลับฐานทัพ ส่วนอีกกระแสหนึ่งที่อื้อฉาวมาก และไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยมากนัก ว่าไว้โดยอูโด้ อูล์ฟโคทเทอ นักหนังสือพิมพ์ชาวเยอรมัน บอกว่าที่จริงมิลเลอร์บินไปถึงฝรั่งเศส แต่หัวใจวายตายในซ่องที่ปารีเซียงนั่นเอง
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
3. ฝูงบิน 19 และการหายสาบสูญที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
ฝูงบิน 19 (Flight 19)
ฝูงบิน 19 (Flight 19) คือชื่อเรียกฝูงบินทิ้งระเบิด ทีบีเอ็ม เอเวนเจอร์ 5 ลำ ของสหรัฐฯ ซึ่งหายไประหว่างการบินทดสอบ หลังบินออกจากฟอร์ท ลอเดอร์เดล ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1945 โดยการบินครั้งนี้นำโดยนักบินประสบการณ์สูง ชาร์ลส์ เทเลอร์
หลังเริ่มทดสอบการบินไปได้หนึ่งชั่วโมงครึ่ง นักบินได้รายงานกลับมายังศูนย์ว่าเกิดเหตุสภาวะการแปรปรวน ไม่สามารถระบุตำแหน่งพื้นที่เบื้องล่างได้ เทเลอร์บอกเจ้าหน้าที่ผ่านการสื่อสารทางวิทยุว่า เข็มทิศทั้งสองของเครื่องไม่สามารถทำงานได้ปกติ แม้ว่าทางศูนย์ทางภาคพื้นจะมีความพยายามในการช่วยระบุตำแหน่ง แต่ก็ไร้ผลเมื่อฝูงบินทั้ง 5 ก็ไม่สามารถจับทิศทางได้ ในที่สุดเครื่องบินทั้ง 5 ลำ พร้อมนักบิน 14 ชีวิต ก็ล้มเหลวในการลงสู่พื้นดิน และพุ่งดิ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง ไม่มีใครได้พบแม้แต่เศษซากอีกเลย
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น เครื่องบินค้นหาพีบีเอ็ม ของกองทัพเรือ พร้อมนักบินอีก 13 นาย ที่รับหน้าที่ค้นหาร่องรอยของฝูงบิน 19 ที่สูญหาย ก็กลับหายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าคงมีจุดจบไม่ต่างไปกับฝูงบิน 19 นั่นเอง
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
4. การหายไปของเครื่องบินสตาร์ดัสต์ และรหัสมอร์สปริศนา
เครื่องบินสตาร์ดัสต์ ของสายการบินบริติช เซาธ์ อเมริกัน แอร์เวย์ส (BSAA) ภายใต้การบังคับของกัปตันเรจินัลด์ คุก นักบินผู้มีชื่อเสียง นำเครื่องออกจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อเวลา 13.46 นาฬิกา ของวันที่ 2 สิงหาคม 1947 บินข้ามเทือกเขาแอนดีส มุ่งหน้าไปยังกรุงซานติอาโก ประเทศชิลี แต่ก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง การติดต่อสุดท้ายของเครื่องบิน คือรหัสมอร์สปริศนา ใจความว่า "STENDEC"
การหายไปของเครื่องบินสตาร์ดัสต์ และรหัสมอร์สปริศนา
มีความพยายามแกะความหมายของรหัสมอร์สดังกล่าวมาตลอดหลายสิบปีหลังเกิดเหตุการณ์ มีการคาดเดาถึงหลายสาเหตุที่ทำให้สตาร์ดัสต์บินไปพบจุดจบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ฟังดูเหลวไหลอย่างการโจมตีจากมนุษย์ต่างดาว ไปจนถึงการก่อวินาศกรรมทางอากาศ การตั้งใจระเบิดเครื่องกลางอากาศเพื่อทำลายเอกสารทางการทูตที่ผู้โดยสารรายหนึ่งนำขึ้นเครื่องมา และการคาดการณ์ที่ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่างเครื่องบินอาจบินเข้าสู่ช่วงเทือกเขาที่มีการเลื่อนไถลในแนวดิ่งของหิมะ ทำให้เครื่องบินตก และซากถูกหิมะฝังไว้มิด
การหายไปของเครื่องบินสตาร์ดัสต์ และรหัสมอร์สปริศนา
อย่างไรก็ดี ทฤษฎีสุดท้ายนี้ฟังดูสมจริงมากที่สุด เมื่ออีก 50 ปีภายหลังเกิดเหตุการณ์ มีสองนักปีนเขาชาวอาร์เจนตินาได้พบชิ้นส่วนเครื่องยนต์พร้อมกับเศษซากของเสื้อผ้า ระหว่างการปีนยอดเขาทูปันกาโต ของเทือกเขาแอนดีส
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
5. เครื่องบินสตาร์ไทเกอร์ กับการหายไปที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
เป็นอีกครั้งที่เกิดความสูญเสียกับเครื่องบินของสายการบินบริติช เซาธ์ อเมริกัน แอร์เวย์ส (BSAA) ในคราวนี้คือเครื่องบินสตาร์ไทเกอร์ พร้อมผู้โดยสาร 25 ชีวิต โดยหนึ่งในนั้นคือฮีโร่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งของสหราชอาณาจักร พลอากาศโทเซอร์อาเธอร์ โคนิงแฮม ที่บินออกจากเกาะซานตามาเรีย ประเทศโปรตุเกส มุ่งสู่หมู่เกาะเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 30 มกราคม 1948 ท่ามกลางสภาพอากาศค่อนข้างเลวร้ายเนื่องจากลมพัดแรงจัด
สตาร์ไทเกอร์ออกบินพร้อมเชื้อเพลิงเหลือเฟือ บังคับเครื่องให้บินต่ำเพื่อเลี่ยงการต้านกระแสลม โดยบินตามเครื่องบินขนส่งแลงคาสเทรนออกมาไม่ทิ้งห่างกันนัก จากระยะทางที่น่าจะกินเวลาบินราว 12 ชั่วโมง เครื่องบินแลงคาสเทรนมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แต่ปรากฏว่าสตาร์ไทเกอร์นั้นไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย
เป็นที่คาดการณ์ว่าการบินที่ระดับต่ำ ประกอบกับกระแสลมแรงจัด พัดให้สตาร์ไทเกอร์ร่วงสู่พื้นมหาสมุทรเบื้องล่าง หรืออาจเป็นการทำงานที่ขัดข้องของมาตรวัดระดับความสูง บวกกับความเหนื่อยล้าของนักบินจากชั่วโมงบินที่ยาวนาน ทำให้เกิดความผิดพลาดบังคับเครื่องสตาร์ไทเกอร์พุ่งลงสู่ผืนน้ำก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีทั้งเครื่องบิน และผู้โดยสารในเที่ยวบินทั้งหมด ยังคงหายสาบสูญจนถึงปัจจุบัน
เครื่องบิน Tudor Mark IV เครื่องบิน Tudor Mark IV (หน้าตาคล้ายกับเครื่องบินสตาร์ไทเกอร์ที่หายสาบสูญไป)
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
6. ปริศนาหายนะเที่ยวบิน 191
เที่ยวบิน 191 ซากเครื่องบินเที่ยวบิน 191 ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส
หากลองสังเกตดูจะพบว่าสายการบินหลาย ๆ แห่ง จะไม่ตั้งชื่อเที่ยวบินของตนว่า เที่ยวบิน 191 (Flight 191) ซึ่งปกติจะเป็นเที่ยวบินที่บินจากสนามบินนานาชาติโอแฮร์ ในชิคาโก ไปยังสนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส กันเท่าใดนัก สืบเนื่องมากจากหายนะหลาย ๆ ครั้งที่เคยเกิดขึ้นตลอดช่วงเวลา 40 ปีที่ผ่านมานี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับหมายเลขของเที่ยวบินดังกล่าว
หนึ่งในหายนะเที่ยวบิน 191 ที่ทำให้เกิดความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์การบินอเมริกา คือเที่ยวบิน 191 ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1979 ที่เครื่องบินตกหลังออกจากสนามบินโอแฮร์ได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น คร่าชีวิตผู้โดยสาร 258 ชีวิต และลูกเรืออีก 13 ชีวิต
นอกจากนี้ก็ยังมี เครื่องบินเจท X-15 เที่ยวบิน 191 ซึ่งขึ้นบินเป็นการบินทดสอบเครื่อง โดยนักบินไมเคิล เจ. อดัมส์ ออกตัวที่ทะเลสาบร้างเดลามาร์ ในรัฐเนวาดา สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1967 แต่เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคหลังนำเครื่องขึ้นเพียงไม่กี่นาที ลงเอยด้วยการโหม่งโลก คร่าชีวิตนักบินในซากเครื่องบินไหม้พังยับเยิน และเหตุการณ์หวิดนำหลายชีวิตดิ่งสูญดับของเที่ยวบิน 191 สายการบินเจ็ตบลู แอร์เวย์ส ในปี 2012 ที่กัปตันผู้บังคับเครื่องเกิดอาการแพนิคกะทันหัน โชคดีที่ผู้โดยสารเข้าช่วยเขาระงับอาการได้ทันท่วงที จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ด้วยเหตุการณ์ที่น่าพิศวงเหล่านี้นี่เอง หลายสายการบินถึงพร้อมใจกันถอนการเรียกชื่อเที่ยวบิน 191 ไปโดยปริยาย
7. การหายที่เป็นปริศนาของเครื่องบินสตาร์แอเรียล
สตาร์แอเรียล
สตาร์แอเรียล นับเป็นเครื่องบินอีกลำของสายการบินบริติช เซาธ์ อเมริกัน แอร์เวย์ส (BSAA) ที่ต้องเผชิญชะตากรรมไม่คาดคิด จากไฟลท์ที่บินจากหมู่เกาะเบอร์มิวดามุ่งหน้าไปยังประเทศจาเมกา ในวันที่ 17 มกราคม 1949
สตาร์แอเรียล ออกบินอย่างราบรื่นสู่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ไม่มีสัญญาณของหายนะใด ๆ ปรากฏมาก่อน กระทั่งเกิดเหตุขัดข้องด้านสัญญาณการติดต่อกับนักบิน และแล้วสตาร์แอเรียลก็ไม่อาจพาผู้โดยสาร 20 ชีวิตพร้อมนักบินอีกหนึ่งนาย ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ นอกจากนี้ยังน่าแปลกใจที่ความพยายามในการค้นหาเครื่องบินลำนี้ดำเนินไปเพียงไม่นาน ก็ยุติลงในวันที่ 25 มกราคม
การสรุปสาเหตุการหายไปของสตาร์แอเรียลยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ดอน เบนเนตต์ อดีตผู้อำนวยการของ BSAA ออกมาระบุว่า เหตุความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งกับสตาร์ไทเกอร์ และสตาร์แอเรียล คือการจงใจก่อวินาศกรรมทางอากาศ ทั้งยังพาดพิงถึงนายคลีเมนต์ แอทท์ลี นายกรัฐมนตรีของอังกฤษในตอนนั้น ว่าเป็นผู้ออกคำสั่งอย่างลับ ๆ ให้ยุติการค้นหา และการสืบสวนเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของเครื่องบินทั้งสองลำตัว
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
8. หายนะเที่ยวบิน 571 ที่เทือกเขาแอนดีส
เที่ยวบิน 571 ที่เทือกเขาแอนดีส
เครื่องบินเช่าเหมาลำอุรุกวัยแอร์ฟอร์ซ นำผู้โดยสาร 45 ชีวิตรวมนักบิน และทีมรักบี้ของอุรุกวัย บินจากเมืองหลวงของอุรุกวัย มุ่งหน้าไปยังกรุงซานติอาโก ของชิลี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1972 แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องหยุดพักที่สนามบินนานาชาติเมนโดซ่า ในอาร์เจนตินา ก่อนออกเดินทางอีกครั้งในวันถัดมา โดยไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นการเดินทางที่พาพวกเขาไปสู่หายนะที่คร่าชีวิตเพื่อนร่วมทางไปหลายสิบคน ส่วนผู้รอดชีวิตก็ต้องกินเนื้อจากร่างมนุษย์ด้วยกันเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
เครื่องบินลำดังกล่าวเกิดเหตุขัดข้อง ประกอบกับสภาพอากาศเลวร้าย จึงตกลงบนเทือกเขาแอนดีส ผู้โดยสาร 12 ราย เสียชีวิตทันทีจากเหตุเครื่องบินตก อีก 6 ราย เสียชีวิตในอีกไม่กี่วันถัดมา และยังมีอีก 8 ชีวิต ที่จบลงจากเหตุหิมะที่ถล่มลงมายังซากเครื่องบินซึ่งพวกเขาปักหลักยึดเป็นที่พักพิง
อีก 16 คน ที่เหลืออยู่รอดได้ด้วยการกินเนื้อจากร่างผู้โดยสารที่เสียชีวิตไปแล้วเพื่อประทังชีวิตตัวเอง กว่าทั้งหมดจะถูกค้นพบและได้รับความช่วยเหลือก็เป็นเวลาอีก 72 วันถัดมา เมื่อ 2 คนในกลุ่มที่รอดชีวิต ตัดสินใจออกเดินเท้าข้ามเขตเขา ใช้เวลาถึง 10 วัน จนกระทั่งได้พบกับเซลล์แมนนักเดินทางชาวชีลีที่ได้แบ่งปันน้ำและอาหารให้ พร้อมทั้งแจ้งขอความช่วยเหลือกู้ภัยเร่งด่วนไปยังทางการ
เรื่องราวหายนะของเที่ยวบิน 571 และการต่อสู้ของผู้รอดชีวิตทั้ง 16 คน กลายเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง Alive (1993)
9. ชะตากรรมที่น่าเศร้าของเที่ยวบิน 990 สายการบินอียิปต์แอร์
หายนะดับยกลำของเครื่องบินโบอิ้ง 767 สายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ 990 ซึ่งบินออกจากสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ สหรัฐฯ มุ่งหน้าสู่กรุงไคโรของอียิปต์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1999 เครื่องบินลำนี้ได้พาผู้โดยสารรวมลูกเรือ นักบิน และกัปตัน ทั้งสิ้น 217 ชีวิต ไปสู่จุดจบทั้งหมด เมื่อเครื่องบินตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตอนใต้ของรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ
มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุคือนายกามิล เอล-บาตอตตี้ ผู้ช่วยนักบิน ที่เพิ่งจะถูกนายฮาเทม รัชดี้ หนึ่งในผู้บริหารของอียิปต์แอร์ ที่ร่วมโดยสารในเที่ยวบินนั้นด้วย ตำหนิอย่างรุนแรงเรื่องประพฤติตัวไม่เหมาะสมทางเพศ โดยหนึ่งในคำต่อว่าคือ "นี่จะเป็นไฟลท์สุดท้ายของนาย" ก่อนที่นายกามิลจะโต้ตอบด้วยคำพูดเดียวกันว่า "มันจะเป็นไฟลท์สุดท้ายของคุณเหมือนกัน"
ในภายหลังพบว่าเครื่องบันทึกเสียงภายในห้องนักบินที่สามารถบันทึกเสียงของนายกามิลพึมพำว่า "ฉันเชื่อในพระเจ้า" ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กัปตันได้ขอตัวมาเข้าห้องน้ำ ก่อนที่ระบบออโต้ไพลอตจะถูกปิด และเครื่องบินก็ดิ่งหัวลงสู่เบื้องล่าง เสียงพึมพำนั้นยังคงดังต่อเนื่องในระหว่างที่เครื่องบินลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งลุกไหม้และตกลงสู่มหาสมุทร
หน่วยงานสอบสวนอากาศของสหรัฐฯ (The US National Transportation Safety Board) มีความเห็นว่าเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้เป็นผลจากการกระทำของนายกามิล แต่ไม่ได้ระบุถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของผู้ช่วยนักบินรายนี้แต่อย่างใด
ชะตากรรมที่น่าเศร้าของเที่ยวบิน 990 สายการบินอิยิปต์แอร์ สภาพกล่องบันทึกเสียงจากห้องนักบินของเที่ยวบินมรณะ
10. หายนะสะเทือนใจ เที่ยวบิน 447 สายการบินแอร์ฟรานซ์
เที่ยวบิน 447 สายการบินแอร์ฟรานซ์
เครื่องบินแอร์บัสรุ่น A330 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบิน 477 มุ่งหน้าออกจากกรุงริโอ เดอ จานีโร ประเทศบราซิล สู่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2009 แต่ก็ไม่อาจพาผู้โดยสาร 214 ชีวิต และลูกเรืออีก 12 รายไปถึงจุดหมายได้
จากการสืบสวนระบุว่า เกิดผลึกน้ำแข็งก่อตัวในท่อของเครื่องบิน ขัดขวางการทำงานของระบบออโต้ไพลอต จนกระทั่งระบบไม่สามารถทำงานได้ ทำให้เครื่องบินทิ้งดิ่งตัวลงปะทะกับพื้นน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่พบผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างใด
ร่างผู้เสียชีวิต 50 ร่าง ถูกพบลอยอืดเหนือน้ำเป็นที่น่าสะเทือนใจในช่วงเดือนถัดมา กล่องดำถูกค้นพบในเดือนพฤษภาคม ในปี 2011 พร้อมกับพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 104 ศพ ส่วนอีก 74 ร่างยังคงหาไม่เจอจนกระทั่งปัจจุบันนี้
เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในอุบัติเหตุที่นำมาซึ่งการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ก็คืออุบัติเหตุทางอากาศ ซึ่งเป็นความเสียหายที่สูงทั้งในแง่มูลค่า และยิ่งประเมินค่าไม่ได้ในด้านชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ได้แต่ขอไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก และกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็ขอเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตามหาร่องรอยของเที่ยวบินดังกล่าว และเหนือสิ่งอื่นใดขอร่วมภาวนาและเอาใจไปอยู่เคียงข้างผู้ที่ยังคงรอคอยบุคคลอันเป็นที่รักด้วยนะคะ
ติดตามข่าวมาเลเซียแอร์ไลน์ตก แบบอัพเดททั้งหมด คลิกเลย
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก searchforamelia.org, libertyletters.com, nasflmuseum.com, sometimes-interesting.com, bermuda-attractions.com, 4.bp.blogspot.com, bermudatrianglereveled.blogspot.com, documentingreality.com, mikenv.hubpages.com, blog.flightstory.net
เครดิต กระปุกดอทคอม
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
เพื่อนๆ คิดว่าที่เครื่องบิน ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ หายไปเพราะอะไร?
ช่วงนี้ต้องบอกว่า กระแสเครื่องบินหายไปอย่างไร้ร่องรอย ของสายการบิน Malaysia Airline น่าจะเป็นประเด็นที่หลายๆ คนจับตามอง โดยส่วนตัวผมว่า น่าจะเกิดจากการก่อการร้าย (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) เพราะ จู่ๆ สัญญาณหายไป ต้องมีคนปิด เพื่อไม่ให้เรดาร์จับ (แน่นอนว่า คนดีเขาไม่ทำแน่นอน) เห็นมีหลายกระแสบอกว่า จะบังคับให้บินกลับไปชน ตึกแฝด Petronas ด้วย, บางคนก็ว่า อาจจะคล้ายสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ที่เป็นช่องระหว่างมิติ ก็ได้
แล้วเพื่อนๆ ว่า น่าจะเกิดจากสาเหตุใดครับ (ใครทายถูกขอให้ถูกหวย อิอิ)
เครดิต MThai
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
(11 มี.ค.) สื่อทางการจีนรายงานว่า จีนกำลังใช้ดาวเทียมมากถึง 10 ดวง ในการติดตามค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหายไป ขณะที่การค้นหาย่างเข้าสู่วันที่สี่แล้ว
ศูนย์ควบคุมดาวเทียมซีอานทางเหนือของจีนจะใช้ดาวเทียมที่ใช้ในการนำทาง ตรวจสอบสภาพอากาศ คมนาคมและอื่น ๆ เข้าช่วยปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย
ทั้งนี้ เกือบ 2 ใน 3 ของผู้โดยสารทั้งหมด 239 คนบนเที่ยวบินเอ็มเอช 370 เป็นชาวจีน และหากได้รับการยืนยันว่าผู้โดยสารเสียชีวิต จะถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งร้ายแรงที่สุดอันดับสองของจีน
คณะเจ้าหน้าที่จาก 9 ประเทศได้แก่ จีน มาเลเซีย สหรัฐ สิงคโปร์ เวียดนาม นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และไทย ได้ร่วมปฏิบัติการนานาชาติเพื่อค้นหาเครื่องบินลำดังกล่าว. สำนักข่าวไทย
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์
สัปดาห์หน้าก็จะมีหนังผจญภัยแฟนตาซีเข้าฉายในบ้านเรา ซึ่ง teen.mthai ว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนรอคอยเลย Percy Jackson 2 : Sea of Monsters นั่นเองคะ ซึ่งในหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจตรงที่ ผจญภัยในทะเลไปยัง ดินแดนอาถรรพณ์ ที่รู้จักกันในชื่อ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า วันนี้ teen.mthai ก็เลยนำ เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ (Bermuda Triangle) มาฝากเพื่อนๆกันคะ ทั้งเรื่องตำนานอาถรรพ์ ทฤษฏีต่างๆ ที่ทุกคนค้นหา จนการเปิดเผยข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ .. (เรื่องยาวหน่อยนะคะ)
ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthaiftghty
เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (Bermuda Triangle) ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดี เพราะมันเป็นบริเวณดินแดนอาถรรพณ์ อันเป็นที่ล่ำลือกันว่าเต็มไปด้วยความลี้ลับ มันเป็นดินแดนที่กลืนกินชีวิตมนุษย์และเรือเดินทะเลที่กลืนกินชีวิตมนุษย์และเรือเดินทะเล เครื่องบินที่โชคร้ายบังเอิญผ่านเข้าไปก็อาจหายสาบสูญไปอย่างไม่มีร่องรอยให้เห็นอีกเลย (ฟังดูน่ากลัวจัง >, มารู้จัก สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า กันหน่อย!
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีเนื้อที่ประมาณ 1.14 ล้านตารางกิโลเมตร (4.4 แสนตารางไมล์) อยู่ระหว่างจุด 3 จุด ได้แก่?เปอร์โตริโก?ปลายสุดของรัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา?และเกาะเบอร์มิวดา เป็นเกาะตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกและดินแดนในปกครองของสหราชอาณาจักร?มีพื้นที่ครอบคลุมช่องแคบฟลอริดา?หมู่เกาะบาฮามาส?และหมู่เกาะแคริบเบียนทั้งหมด แต่แนวคิดที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายกว่า เนื่องจากปรากฏในงานเขียนจำนวนมาก ระบุว่า จุดปลายสุดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ได้แก่ ชายฝั่งแอตแลนติกของไมอามี,?ซานฮวน?เปอร์โตริโก, และเกาะเบอร์มิวดา ด้วยเหตุว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งด้านใต้โดยรอบหมู่เกาะบาฮามาสและช่องแคบฟลอริดา พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีเรือผ่านพื้นที่นี้เป็นประจำทุกวันมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา?ทวีปยุโรป?และหมู่เกาะแคริบเบียน เรือสำราญที่ผ่านพื้นที่นี้ก็มีมากเช่นกัน เรือเที่ยวเองก็มักจะมุ่งหน้าไปและกลับระหว่างฟลอริดากับแคริบเบียนอยู่เป็นปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรทางอากาศอย่างหนาแน่น ทั้งอากาศยานพาณิชย์และส่วนตัว ซึ่งมุ่งหน้าไปยังฟลอริดา แคริบเบียน และทวีปอเมริกาใต้ ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthai100000
เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์??(Bermuda Triangle)
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์?โดยแท้จริงแล้ว เป็นอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดปกคลุมพื้นทะเลตั้งแต่ตอนเหนือของหมู่เกาะเบอรืมิวด้าไปยังทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดาตีวงออกไปในทะเลทางตะวันออกไปจนภึงหมู่เกาะบาฮามัส เลยไปอีกจนถึงอ่าวเม็กซิกโน้นแหนะ .. ถ้าดูตามแผนที่จะครอบคลุ่มพื้นที่ประมาณ 380,000 ตารางไมล์ทะเล ซึ่งถ้าดูกันจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่พื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนกับชื่อของมันเลย ไม่ทราบว่าชื่อ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า” นี้ได้มาอย่างไร? (นั่นสิ!;) มีผู้พยายามตั้งชื่อเสียใหม่ว่า “บริเวณดินแดนปิศาจ” บ้างก็เรียกว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ” (Devil’s Triangle) ตามชื่อเสียงของมันได้ถูกขนานนามขึ้นมาในราวๆ ปี ค.ศ.1960 เลื่องลือกันไปทั่วถึงอันตรายของการหายสาบสูญอย่างไม่มีวันได้กลับคืนมา จากบันทึกของกองเรือยามฝังสหรัฐฯ และบริษัทประกันภัยทางทะเล บริษัทประกันภัยเรือเดินสมุทรและเครื่องบิน มีสถิติความสูญหายอย่างผิดปกติในอาณาบริเวณนี้เป็นบริเขตต้องห้ามและเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ความอาถรรพณ์ ของ?สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (Bermuda Triangle)
สิ่งที่ทำให้ย่านทะเลแห่งนี้กลายเป็นดินแดนอาถรรพ์ มรณะ ซึ่งทำให้นักบินหรือนักเดินเรือต่างพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ยอมผ่านเข้าไปในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาดอาจเป็นเพราะความเชื่อในเรื่องอันพิลึกกึกกือที่เป็นข่าวระบือลือลั่นกันไม่รุ้จบระหว่างคนในระแวกนั้น เหตุการณ์ประหลาดๆ อย่างที่ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ มักจะเกิดขึ้นกับเรือ หรือเครื่องบินที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น
นับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน จากสถิติของบริษัท Lioyd’s ov London ซึ่งเป็นบริษัทรับประกันภัยเรือเดินสมุทร พบว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ถึง 1973 (ราว 10 ปี) มีเรือในประกันของบริษัทจำนวน 60 ลำ รวมผู้โดยสาร 900 คน ได้หายสาบสูญไปในบริเวณน่านน้ำเบอร์มิวด้า โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1967 มีเรือทะเล?เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้หายไปอย่างลึกลับเป็นจำนวน 15 ลำ ทั้ง 15 ลำ ไม่มีการส่งสัญญาณ “SOS” หรือส่งวิทยุขอความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่แปลกน่าฉงน และน่ากลัวที่สุดก็คือ เรือทั้ง 15 ลำนั้นเป็นเรือขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ช่วยในการเดินเรือแบบทันสมัยบริบูรณ์ เช่นวิทยุสื่อสาร เราดาร์นำร่องโซนาร์นำร่อง การค้นหาได้กระทำกันเป็นเดือนๆ แต่ก็ประสบผลล้มเปลวโดยสิ้นเชิงไม่พบแม้แต่เงา นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ไดมาจากบริษัทประภัยของเอกชนที่ต้องจ่ายประกันไปจนบริษัทแทบล้มละลาย น้ำมาซึ่งความงุนงง ให้แก่ผู้ที่อยู่ข้างหลังอย่างสิ้นหวัง อะไรเกิดขึ้นกับเรือเหล่านั้น ลูกนาวี 900 คนหายไปไหนใครบ้างจะมีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ ตัวอย่างอีกรายหนึ่งที่จะขอยกมาให้พิจารณาว่ามันเป็นอาถรรพณ์ของดินแดนมรณะแห่งนี้ (หรือเป็นเพียงอุบัติเหตุ) คือ การหายสาบสูญของฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดนาวีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 , เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ TBM ของนาวีสหรัฐฯ 1 ฝูงบิน (5 เครื่อง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่องทั้งหมด 14 นาย?ได้ออกทำการบินฝึกทิ้งระเบิดเหนือดินแดนเบอร์มิวด้า ห่างจากฐานทัพฟอร์ทล๊อคเดอร์เดลประมาณ 225 ไมล์ และแล้ว ฝูงบินทั้ง 5 ลำก็หายสาบสูญ ไม่เหลือแม้แต่เงา นาวีสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินผู้ประสบภัยมาร์ติน มารีนเนอร์ แบบ PBM (เป็นเครื่องบินน้ำ 2 เครื่องยนต์) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง 13 นาย อกตามหา 20 นาทีต่อมา PBM ก็หายสาบสูญ โดยขาดการติดต่อกับหอบังคับการ และหายไปอย่างลึกลับเช่นกันไม่มีเหลือแม้แต่เงา มันจะเป็นเหตุบังเอิญ อุบัติเหตุ หรือเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริง แนวโน้มจากสถิติการสูญหายอาจบอกเราได้ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 จนถึงปี ค.ศ.1976 มีเรือและเครื่องบินหายสาบสูญไปในบริเวณเบอร์มิวด้าแล้วเป็นจำนวน 143 ราย รวมชีวิตมนุษย์เท่าที่ทราบแน่นอนเป็นจำนวน 2,101 คน ที่ต้องสังเวยไปในดินแดนอาถรรพณ์แห่งนี้ สถิติการสูญหายมีมากที่สุดในปี ค.ศ. 1975 คิดมีการสูญสาย 11 ราย เฉลี่ยเดือนละราย เมื่อเปรียบเทียบความเสียหายในบริเวณนี้กับบริเวณเส้นทางเดินเรืออื่นๆ แล้ว พบว่าแถบเบอร์มิวด้าต้องเป็นดินแดนอาถรรพณ์จริงๆ เพราะในน่านน้ำที่อื่นๆ ไม่มีสถิติการสูญหายมากเท่านี้เลย O,O!!! ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthai1_display
เรื่องเล่า?ความอาถรรพณ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จากผู้ที่บังเอิญรอดตาย!!
ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้มาจากบรรดาผู้ที่บังเอิญรอดตายหรือหลบหลีกกับได้ จากบันทึกการติดต่อครั้งสุดท้ายโดยวิทยุกับพวกที่หายสาบสูญไป มีรายงานที่น่าสนใจหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าอะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ที่ยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนเคยรู้จักกันมาก่อน
1. รายงานที่พบเป็นประจำ การขัดข้องเกิดขึ้นกับเครื่องมือนำล่อง
ตัวอย่างรายงานทำนองนี้ได้แก่รายงานทางวิทยุครั้งสุดท้ายก่อนการหายสาบสูญไป ของนักบิน นาวีร้อยเอกเทเลอร์ (Charles Taylor) ได้ส่งวิทยุติดต่อแจ้งเข้ามา ยังหอบังคับการบินที่ Fort Lauderdale Naval Air Station ในขณะที่กำลังบินกลับจากการฝึกบินตามปกติ เขาแจ้งเข้ามาด้วยวิทยุความถี่ฉุกเฉินว่า “เข็มทิศหมุนอย่างบ้าคลั่ง ผมจับทิศไม่ถูกแล้วผมไม่ทราบตำแหน่งว่าผมอยู่ที่ไหน” จากนั้นเสียงก็ขาดหายไป และแล้วร้อยเอกเทเลอร์กับเครื่องบินของเขาก็ไม่ปรากฏตัวที่ไหนอีกเลย เขาหายสาบสูญไปชั่วนิรันดร ?ข้อมูลประการที่หนึ่งที่เราพบก็คือ มีพลังบางอย่างที่มีผลกระทบกับเครื่องมือนำทาง เช่นเข็มทิศ เครื่องวัดความสูง เครื่องวัดความเร็ว และเครื่องมือสื่อสาร นั่นคืออำนาจลึกลับนี้มีผลกระทบกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะเข็มทิศแม่เหล็ก 2. เกิดความสับสนขึ้นกับประสาทความรู้สึกในการรับรู้ทั้ง 5 ของผู้ที่หลุดเข้าไปในดินแดนอาถรรพณ์
ทำให้ผู้นั้นงุนงง สับสนต่อเหตุการณ์ และที่สุดคือสูญเสียความรู้สึกในเรื่องเวลา และการทรงตัว คาดว่ามีสาเหตุอีหหนึ่งอย่างจากผลกระทบกับเครื่องมือนำทาง ทำให้เสียการควบคุม
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
3. มีการรบกวนทางระบบไฟฟ้า และการติดต่อสื่อสารทางวิทยุจะถูกตัดขาด
นี่คือข้มูลอีกข้อหนึ่งที่เราจะพบเสมอจากรายงานครั้งสุดท้ายของผู้ที่หายสาบสูญไปในดินแดนอาถรรพณ์ ดังตัวอย่างการหายสายสูญของฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดที่ 19 ของนาวีสหรัฐอเมริกา (หายทั้งฝูงเลย) มีเครื่องบินแบบ TBM อเว็งเจอร์ จำนวน 5 ลำ ได้ออกบินฝึกตามภารกิจปกติ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1945 และได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ ถึงแม้จะมีการระดมหน่วยค้นหาตามล่ากันอย่างละเอียดถี่ถ้วนครอบคลุมพื้นที่ทุกๆ ตารางฟุต กว้างถึง 380,000 ตารางไมล์ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา รายงานสุดท้ายที่จ่าฝูง.ร้อยเอก โรเบิร์ต คอส รายงานมา รับฟังได้จากวิทยุ ณ ฐานทัพภาคพื้นดิน ตอนหนึ่งกล่าวด้วย น้ำเสียงของคนตกใจสุดขีดว่า.. “อย่าตามผมมา แยกกันออกไป แยกกันออกไป” แล้วเสียงวิทยุก็ถูกตัดขาดทันที เหมือนกับว่ามีใครไปปิดเครื่องส่งของเขาฉะนั้น ร้อยเอกโรเบิร์ต คอส บินเข้าไปพบอะไร ไม่มีใครทราบ แต่สิ่งที่เขาพบต้องเป็นสิ่งที่น่ากลัวจนทำให้เขาสั่งลูกฝูงไม่ให้บินตามเข้าไป แต่ก่อนหน้านั้นมีเสียงวิทยุโต้ตอบกันระหว่างจ่าฝูงกับลูกฝูงของเขา ซึ่งรับฟังได้ยินไม่ชัดเจน เป็นเสียงขาดๆ จางๆ และมีคลื่นแทรกรบกวนมาก พอจะจับความได้บ้างบางตอนว่า ฝูงบินที่ 19 กำลังหลงเข้าไปในสภาพบรรยากาศอันผิดปรกติ แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง Picture1
ปรากฏการณ์ “หมอกเรืองแสงสีขาว”
นี่คือข้อมูลที่ได้รับจากวิทยุติดต่อกันระหว่างฝูงบินที่ 19 เสียงจ่าฝูงดังมาแล้วได้ยินชัดว่า “สงสัยว่าเราหลงทางทำไมแถวนี้มีแต่หมอกสีขาวเรืองแสงไปหมด เฮ้ พื้นน้ำเป็นสีขาว ไปหมด มองไม่เห็นท้องฟ้า มันขาวโพลนไปหมด” นี่เราอยู่ที่ไหนกัน เข็มทิศผมมันหมุนติ้วไปหมดแล้ว “แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป ฝูงบินที่ 19 หายสาบสูญไปจากโลกของเรา อีกตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่รายงานการหายตัวอย่างลึกลับของเครื่อง 727 หายวับจากจอเรดาร์ของสนามบินไมอามี่ ขณะเรื่อง 727 ลำนั้นกำลังปักหัวลงสู่สนามบิน ของสายการบิน National airline บินดำดิงลงมา ผ่านเข้าหมูเมฆขาวก้อนเล็กๆ จู่ ๆ ก็หายวับไปจากจอ เรดาร์ พนักงานหอบังคับการต่างวิ่งกันวุ่นกรดปุ่มสัญญาณเตรียมลงฉุกเฉิน บางคนกล้องส่องทางไกล เผ่นออกไปนอกบังคับการ เพื่อมองหาแต่ไม่มีใครเห็นอะไร นอกจากก้อนเมฆก้อนนั้น ภาพปรากฏใหม่บนจอเรด้าร์ แล้ว 727 ก็บินลงสนามทางปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งบินและผู้โดยสานเครื่องบิน 727 ต่างงงไปตามๆ กันเมื่อเห็นว่ามีรถดับเพลิง รถพยาบาล รถกู้ภัย ของสนามบินต่างวิ่งตามกันมาห้อมล้อมกันเต็มไปหมด ภายหลังจึงทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เวลาของนักบินและของผู้โดยสาย เที่ยวบินนั้นได้ขาดหายไป 10 นาที ทั้งๆ ที่ไม่มีใคร รู้เลยว่าเวลา 10 นาทีนั้นขาดหายไปไหน และหายไปได้อย่างไร การสอบสวนไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรเพิ่มเติม นอกจากจะเพิ่มความงุนงงมากขึ้นเท่านั้น “มันแปลกอยู่หน่อยที่เมฆก้อนนั้นมันมีความสว่างผิดปรกติธรรมดา คล้ายกับว่ามันมีแสงเรืองในตัวเอง แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรเลย ผมไม่เข้าใจว่าเวลามันหายไปตอนไหน เจ้าหน้าที่หอบังคับการเขาว่าผมบินหายเข้าไปในเมฆนานถึง 10 นาที แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะเมฆมันก้อนเล็กนิดเดียว ผมบินทะลุเมฆลงมาในเวลาไม่ถึง 3 วินาทีก็ออกมาเป็นทางวิ่งลงแล้วนี่ครับ”ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthai1_display (3) ผลจากการสแกนพื้นทะเล พบซากเรือขนาดใหญ่ประจัดกระจายเต็มพื้นที่
อีกมุมมองหนึ่งของ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์?
1. บางคนคาดว่า : การหายสาบสูญนั้นอาจเกิดจากเรื่อเหล่านั้นแล่นไปชนเอาทุ่นระเบิด(ที่หลงเหลือจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง)
คำโต้แย้ง : แนวคิดข้อนี้ดูจะเป็นไปได้น้อยมาก เพราะมันไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ประหลาดอีกหลายกรณีได้เลย เช่น ในกรณีที่เรือเดินทะเลบางลำลอยเท้งเต้งเข้าหาฝั่ง โดยที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเรือนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ข้าวของและของมีค่าอื่นๆ ยังอยู่ครบบริบูรณ์บนเรือ กะลาสีเรือและกัปตันเรือหายตัวไปหมดโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างนี้จะอธิบายได้อย่างไรละ 2. บางคนคาดว่า :? การหายสาบสูญของเรือ อาจเกิดจากพายุในทะเลที่ก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
คำโต้แย้ง :?ไม่มีวันที่พายุใหญ่ๆ ขนาดนั้นจะรอดสายตาของนักอุตุนิยมวิทยาไปได้ และอย่างน้อยเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ๆ ก็มีเครื่องมือตรวจพายุอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ต้องมีการส่งขาว รายงานเข้าสู่ฝั่ง หรือวิทยุขอความช่วยเหลือมาบ้างถ้าเจอเข้ากับพายุใหญ่ขนาดที่จะจมเรือเดินสมุทรได้ 3. บางคนคาดว่า :?มันเป็นเรื่องความเชื่อ อันเกิดมาจากเหตุบังเอิญด้วยเหตุพ้องจองที่ว่า แถบเบอร์มิวด้า มีภาวะแวดล้อมที่ผิดแผกไปจากบริเวรเส้นทางเดินเรืออื่นๆ เท่านั้นเองจึงทำให้เกิดความผิดพลาดและเกิดอุบัติเหตุทางเรือได้ง่าย เป็นเหตุให้เกิดเรืออับปาง และเครื่องบินตกได้ง่ายกว่าที่อื่น
คำโต้แย้ง :? แต่ในกรณีเรือ ไซคล๊อปส์ หายไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ.1918 จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวลอยเท้งแต้งเข้าฝั่งมาเกยตื้น โดยมีแต่เรือเปล่าปราศจากผู้โดยสาร จำนวน 309 คนหายไปไหนกันหมด ข้าวของมีค่าทุกชิ้นทั้งอาหารและสินค้าบนเรือยังอยู่บริบูรณ์ จะว่าเรือถูกโจรสลัดปล้นก็ไม่ใช่
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
4. ทฤษฎีการบ่ายเบนของสภาพเวลาอวกาศ?ดร.แซนเดอร์สัน ไอแวน (Dr” Sanderson Ivan) เป็นผู้เสนอแนวความคิดนี้ขึ้น
เขียนไว้ในหนังสือชื่อ “Invisible Residents” ทฤษฎีนี้กล่าวสรุปว่า บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นบริเวณที่มี “สาเหตุไม่ปกติ” ทางธรรมชาติเกิดขึ้นเนื่องมาจากเป็นบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก และสนามไฟฟ้าของโลกมากที่สุด เมื่อมีกระแสน้ำอุ่นจาก ตอนเส้นศูนย์สูตรไหลขึ้นไปทางเหนือของมหาสมุทรแอรแลนติก ปะทะกับกระแสน้ำเย็นที่ไหลลงสู่ทางใต้จากขั้วโลกเหนือการปะทะกัน ทำให้เกิดการแบ่งตัวกันของระดับน้ำเป็นชั้นๆ ชั้นบนจากผิวน้ำลงไปสู่ความลึกประมาณ 500 ถึง 1,000 ฟุต จะเป็นชั้นของกระแสน้ำอุ่น ลึกลงไปจากนี้ก็จะเป็นชั้นของกระแสน้ำเย็น ทั้งสองชั้นนี้มีทิศทางการไหลของน้ำสวนทางกัน ซึ่งอยู่ในระดับความลึก 500 ถึง 1,000 ฟุต จะเกิดการอันแน่นของกระแสน้ำ มีการขัดถูกัน และมีการถ่ายเทอุณหภูมิกันอย่างมกมาย เกิดการถ่ายถ่ายเทขัดสีกันของประจุไฟฟ้าสถิตขึ้นอย่างมากมาย เป็นจำนวนมหาศาลหลายพันล้านโวลต์ จึงเกิดการเหนี่ยวนำของสนามไฟฟ้าเป็นผลกระบตามมา ประกอบกับการผันแปรของสนามแม่เหล็กโลกซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริเวณนี้ การผันแปรของสนามแม่เหล็กโลก และสนามไฟฟ้าอาจมีการแปรผันสัมพันธ์กัน นำไปสู่ภาวะการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นชั่วคราว กระทบกระเทือนกับสนามแรงโน้มถ่วงของโลกในบริเวณนั้น และนี่คือผลกระทบทีทำให้เกิดการบ่ายเบนของสภาพเวลา-อวกาศ เมื่อสาเหตุไม่ปกตินี้เกิดขึ้น ก็จะทำให้เรือหรือเครื่องบินที่บังเอิญอยู่ตรงบริเวณนั้นในขณะนั้น แล่นหรือบินออกจากจุดแห่งความแตกต่างของห้วงกาลเวลา หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าได้ว่าบริเวณนั้น มีการเปลี่ยนแปลงของมิติที่ 4 เกิดขึ้น เรือหรือเครื่องบินก็ตาม อาจหลุดหรือผ่านเข้าไปสู่อีกมิติหนึ่ง หรืออีกกาลเวลาหนึ่งก็ได้และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรือ เครื่องบินหายวับไปโดยปราศจาร่อง แต่ใครละจะกล้าพิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้เป็นจริงความเป็นไปได้ ของการบ่ายเบนของมิตินั้นก็เป็นทฤษฎีที่มีตัวเลขยืนยันคำนวณกันแต่บนกระดาษ แต่ในความเป็นจริงแล้วทฤษฎีนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าทดลองเพื่อยืนยัน
ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthaisanderson
?ดร.แซนเดอร์สัน ไอแวน (Dr” Sanderson Ivan)?
5. กรณีที่มีเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ชัวระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็กลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง?
นอกจากนี้ ทฤษฎีของ ดร.แซน เดอร์สัน ยังสามารถใช้อธิบายในกรณีนี้ได้ เพราะเหตุที่ว่าเครื่องบินเหล่านั้น ได้บังเอิญบินหลุดเข้าไปในความแปรผันของสนามเวลา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางมิติขึ้นในทันทีทันใด จุดแปรผันของกาลเวลานาอาจเป็นเพียงบริเวณเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเพียงชัวครู่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นดังนั้นจึงมิได้ทำให้เครื่องบินนั้นเคลื่อนย้ายออกไปจากมิติ หรือกาลเวลาปัจจุบันมากนัก ระยะเวลาที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินอาจจะเป็นชั่วระยะสั้นๆ แค่ 1 ในพันของวินาที หรืออาจจะไม่ถึงพริบตา แต่จะทำให้เกิดความแตกต่างกันกับเวลาบนโลกนับได้เป็นนาที หรือชั่วโมงก็เป็นได้ และก็ด้วยการแปรผันอย่างรุนแรงของสภาพมิติ ในบางครั้ง มันก็อาจทำให้เรือเดินทะเลขนาดใหญ่ หรือเครื่องินทั้งฝูงหลุดเข้าไปสู่อีกห้วงหนึ่งของกาบเวลาที่ไม่ใช้ปัจจุบัน และผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นก็จะติดอยู่ในห้วยแห่งกาลเวลานั้นโดยไม่มีทางได้กลับออกมาสู่มิติเดิมของเขาได้อีกเลย
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
6. บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นที่ตั้งฐานทัพลับใต้สมุทรของชนชาติลึกลับ หรือของพวกมนุษย์ต่างดาว
บางคนคาดว่า?:?การหายไปของเรือและเครื่องบิน อาจเกิดจากการจงใจ “ขโมย” เรือหรือเครื่องบินรวมทั้งการลักพาคนไปเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการทดลอง หรือเพื่อการเก็บไปเป็นตัวอย่างดูเล่นก็เป็นได้ แนวความนึกคิดทำนองนี้ อาจมีทางเป็นไปได้อย่างเหมือนกันผู้ที่ค้นคว้าศึกษาตามแนวทางนี้โดยเฉพาะจะพบว่า ย่านท้องทะเลแอตแลนติก แถบหมู่เกาะเบอร์มิวด้านี้มีรายงานการปรากฏตัวของ ยูเอฟโอ (UFO) หนาแน่นพอๆ กับที่เห็นบนบกตามจุดสำคัญๆ เหมือนกัน คำโต้แย้ง : แต่ปัญหาสำคัญคือ ทฤษฎียังไม่มีหลักฐานอย่งอื่นที่พอจะอ้างได้หรือนำมาชี้ทางสนับสนุไดว่า ยูเอฟโอ มีอะไรเกี่ยวข้อกับการศูนย์หายไปของเรือและเครื่องบิน การปรากฏตัวอย่างหนาแน่นของยูเอฟโอในย่านนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีฐานทัพเร้นลับซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร หรือบนเกาะร้างลี้ลับแห่งใดแห่งหนึ่ง และก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่มนุษย์ต่างดาวจะต้องมาตั้งป้อมคอยขโมยเรือ และเครื่องบิน ของชาวโลกไปมากมายเพื่อประโยชน์อันใดกัน ในกรณีนี้แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้นเป็นบริเวณที่มีสภาวะผิดปกติทางสภาพเวลา – อวกาศตามทฤษฎีของ ดร.แซนเดอต์สันมากกว่าและยูเอฟโอ ที่มาปรากฏตัวในบริเวณนี้มากนั้นก็เนื่องมาจากว่า ยูเอฟโอใช้บริเวณนี้มากนั้นก็เนื่องมาจากว่า ยูเอฟโอใช้บริเวณนี้เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกระหว่างมิติภพ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิด้า อาจเป็นบริเวณที่มีการเปิดปิดประตูแห่งกาลเวลา หรือประตูแห่งมิติ โดยธรรมชาติก็ได้.. มันหมายถึงช่องทางที่จะใช้เดินทางผ่านเข้าออกไปสู่ย่าน “ไฮเปอร์สเปซ” นั่นเอง รัฐบาลอังกฤษจึงได้ออกทุนให้ค้นหาเรือ และหาสาเหตุที่ทำให้เรือจม โดยใช้ เรือทุ่นโซนาร์ลากท้าย?ค้นหา หลังจากตรวจจับบางอย่างใต้ทะเลขนาดใหญ่ได้ จึงได้ส่งยานดำน้ำไร้คนบังคับ แมกเจนแลนออกไปถ่ายรูปและได้เจอเรือสภาพแตกหักยับเยินนอน อยู่ก้นทะเล ย้เรื่องน่ารู้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ดินแดนอาถรรพณ์ teen.mthai1_display (2)
เรือทุ่นโซนาร์ลากท้าย
แต่เมื่อไม่กี่ที่ผ่านมา ทุกอย่างก็ตลี่คลาย!!! นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ การก่อตัวของก๊าซธรรมชาติ โดยเป็นฟองก๊าซขนาดยักษ์ ทำให้เรือและเครื่องบินเสียการควบคุม ก่อนที่จะจมดิ่งสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ซึ่งศาสตราจารย์โจเซฟ โมนาแกน หนึ่งในสองผู้วิจัยงานศึกษาไขปริศนาดังกล่าว เสริมว่า บริเวณนั้น มีก๊าซมีเทนจำนวนมากปะทุเป็นฟองก๊าซขนาดใหญ่ แล้วแตกตัวเหนือบริเวณดังกล่าว
เมื่อก๊าซเหล่านี้ขึ้นสู่พื้นผิว มันจะทะยานสู่อากาศ และขยายตัวเป็นวงกว้าง แล้วก่อตัวเป็นฟองก๊าซขนาดยักษ์ หากเรือลำใดแล่นผ่านมายังบริเวณนั้น แน่นอนว่าเรือก็จะเข้าไปในฟองก๊าซมีเทนขนาดใหญ่ จนทำให้เรือเสียการควบคุม และจมสู่ทะเลในที่สุด
รายงานยังระบุว่า หากฟองก๊าซมีขนาดใหญ่มากๆ ครอบคลุมความหนาแน่นระดับสูงเพียงพอ ยังสามารถทำให้เครื่องบินที่อยู่บนน่านฟ้า เหนือสามเหลี่ยมฯ เสียการควบคุม และดิ่งสงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว
เรียบเรียง teen.mthai อ้างอิงข้อมูล?atcloud.com/stories
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
เครดิต mthai
บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า อาจเป็นที่ตั้งฐานทัพลับใต้สมุทรของชนชาติลึกลับ หรือของพวกมนุษย์ต่างดาว
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ทางการมาเลเซียเผย ขยายเขตไปยังช่องแคบมะละกา เพื่อเปิดพื้นที่ค้นหาเครื่องบิน มาเลเซียแอร์ไลน์ส เอ็มเอช370 ขณะที่ญาติของผู้โดยสารชาวจีน ปัดรับเงิน จากทางสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส
สื่อต่างประเทศรายงาน ความคืบหน้า การค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่เอ็มเอช 370 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซียเผยว่าปฏิบัติได้ขยายเขตไปยังช่องแคบมะละกาซึ่งอยู่ระหว่างชายฝั่งทางด้านตะวันตกของมาเลเซียกับเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียไกลมากและอยู่คนละฟากกับจุดที่เครื่องบินขาดการติดต่อกับหอควบคุมซึ่งการจะไปถึงช่องแคบมะละกาเที่ยวบินเอ็มเอช 370จะต้องบินข้ามประเทศมาเลเซียแต่อยู่ในระยะการตรวจจับของเรดาร์
โดยทางด้าน นายโรนัลด์ เค.โนเบิล ผู้อำนวยการองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือ ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) กล่าวว่า การหายไปอย่างลึกลับของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ไม่น่าจะเกิดจากการโจมตีก่อการร้าย โดยจากข้อมูลที่องค์การฯได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่น่าจะเป็นการก่อการร้าย
ญาติผู้โดยสารMH370ชาวจีนปัดรับเงินเยียวยา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ญาติพี่น้องของผู้โดยสารชาวจีนบนเครื่องบินโบอิ้งเที่ยวบิน เอ็มเอช370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายปฏิเสธที่จะรับเงินสดจากสายการบิน หลังจาก สายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ ระบุว่า ทางสายการบินได้เสนอให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวผู้สูญหายรายละ 31,000 หยวนหรือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (163,000 บาท) แต่ญาติของหนึ่งในผู้โดยสารจากมณฑลชานตงทางตะวันออกของจีนกล่าวว่า จริงๆ แล้วพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องเงินพวกเราต้องการผู้โดยสารบนเครื่องบินกลับมา
ทั้งนี้ญาติและเพื่อนของผู้โดยสารชาวจีน 153 คน หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของผู้โดยสารบนเครื่องเอ็มเอช370กำลังรอฟังข่าวด้วยความกังวล อย่างไรก็ตาม อิกนาติอุสอ่อง หัวหน้าของเจ้าหน้าที่สายการบินเอ็มเอเอสที่ดูแลเจ้าหน้าที่ในจีนออกมายืนยันว่าไม่มีข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ได้เสนอเงื่อนไขให้ญาติ 2 คน ของผู้โดยสารที่สูญหายแต่ละคนเดินทางมาติดตามการค้นหาอย่างใกล้ชิดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ซึ่ง นายอ่อง ยืนยันว่ามีเหลืออยู่ 12 คนแต่ทางสายการบินก็แถลงไปแล้วว่าจะมีเครื่องบินไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อรับพวกเขามายังกรุงกัวลาลัมเปอร์
ตร.จ่อเรียกหน่วยงานถกแก้ปัญหาบันทึกพาสปอร์ตหาย
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. เกี่ยวกับความคืบหน้ามาตรการดำเนินการ กรณีการสวมหนังสือเดินทางว่า อยู่ระหว่างหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งข้อมูลที่ได้ในขณะนี้สอดคล้องกับที่ทางประเทศมาเลเซีย ได้มีการแถลงว่า ได้ภาพคนเดินทางเป็นชาวอิหร่าน ซึ่งยังไม่มีการเชื่อมโยงที่มากกว่านั้น โดยคาดว่าเป็นเครือข่ายขบวนการลักลอบนำคนหลบหนีเข้าไปในยุโรป โดยใช้เอกสารและพาสปอร์ตปลอม ขณะนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.2 หาข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทที่ออกตั๋ว ว่ามีพฤติกรรมนั้นมากน้อยเพียงใด เพื่อจะดูทิศทางของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว ขณะเดียวกันก็จะดูขบวนการบันทึกพาสปอร์ตที่การแจ้งหายในราชอาณาจักร ซึ่งขบวนการในการบันทึกยังไม่เป็นระบบ จึงได้ให้ทาง ตม.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการกงศุล สตม. กองการต่างประเทศ ตัวแทนตำรวจสากล เข้าประชุมหารือแนวทางการดำเนินการว่า เมื่อมีการแจ้งพาสปอร์ตหาย จะบันทึกว่าอย่างไรให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของตำรวจสากลได้ในครั้งเดียว
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไมให้บุคคลนำพาสปอร์ตที่แจ้งหายไปใช้ประโยชน์ในลักษณะนี้ได้อีก ซึ่งจะต้องมีการดำเนินข้อปฏิบัติอีกหลายครั้ง
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ญาติผู้โดยสาร MH370 ปัดรับเงินเยียวยา ขอแค่กลับมาก็พอ
ญาติผู้โดยสารMH370ชาวจีนปัดรับเงินเยียวยา (ไอเอ็นเอ็น)
ญาติของผู้โดยสาร MH370 ชาวจีน ปัดรับเงินจากทางสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส โต้กลับขอผู้โดยสารบนเครื่องบินกลับมาก็พอ
วันที่ 12 มีนาคม 2557 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ญาติพี่น้องของผู้โดยสารชาวจีนบนเครื่องบินโบอิ้งเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ ไลน์ส ที่สูญหายปฏิเสธที่จะรับเงินสดจากสายการบิน หลังจากสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ระบุว่า ทางสายการบินได้เสนอให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวผู้สูญหายรายละ 31,000 หยวน หรือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 163,000 บาท) แต่ญาติของหนึ่งในผู้โดยสารจากมณฑลชานตงทางตะวันออกของจีนกล่าวว่า จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ได้สนใจเรื่องเงิน พวกเราต้องการผู้โดยสารบนเครื่องบินกลับมา
รายงานระบุว่า ญาติและเพื่อนของผู้โดยสารชาวจีน 153 คน หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของผู้โดยสารบนเครื่อง MH370 กำลังรอฟังข่าวด้วยความกังวล อย่างไรก็ตาม อิกนาติอุสอ่อง หัวหน้าของเจ้าหน้าที่สายการบินเอ็มเอเอส ที่ดูแลเจ้าหน้าที่ในจีนออกมายืนยันว่า ไม่มีข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้เสนอเงื่อนไขให้ญาติ 2 คน ของผู้โดยสารที่สูญหายแต่ละคนเดินทางมาติดตามการค้นหาอย่างใกล้ชิดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ซึ่ง นายอ่อง ยืนยันว่ามีเหลืออยู่ 12 คนแต่ทางสายการบินก็แถลงไปแล้วว่าจะมีเครื่องบินไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อรับพวกเขามายังกรุงกัวลาลัมเปอร์
เครดิต กระปุกดอทคอม
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
ไซโคไน997
|
อย่าทิ้งปะเดนมนุดต่างดาวจับไปนะเพราะ น่าเปนไปได้สุงเลย
อยุ่มันจะหสยไปจากเรดาได้ไง หลงทางไปไหนก้อต้องมีเรดาจับได้ในประเทดอิื่นๆ และหากบินหลงทางออกนอกเส้นทางเรดาทหารต้องส่งนักบินขี้นไปหยุดแล้วละ เรื่องมนุดต่างดาวน่าลองไปถาม เทพพะนมเมืองแมน เค้าชำนานนะเรื่องพวกนี้ เปนอาจารที่ชาวโลกนับถือกันเลย ให้ท่านมาติดต่อมนุดต่างดาว เพื่อสอบถามว่า เอาเครื่องบินชาวโลกพ้อมมนุดไปทำไม เพื่อไปสีดสาอะไร กายคนรึป่าว ลองคับอย่ามองข้าม เทพพะนมเมืองแมน ของเราไปเค้าอาจช่วยได้เรื่องมนุดต่างดาวพวกนั้นเกรงใจแกมากๆ
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
คห.ที่ 18 พูดถึงมนุษย์ต่างดาว มีก็มีความเป็นไปได้เช่นกันครับ อาจจะไปพบจานบินหรือชาวต่างดาวเลยส่งทะลุมิติออกนอกโลกไปเลยคุณช่วยติดต่อท่านเทพพนมดูซิครับ มีข่าวอะไรก็เชิญมาลงได้เลยครับ...
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
รักufo
|
ผมว่าพวกต่างดาวคับมาเอาเครื่องบินและคนในลำไปศึกษาป่านนี้เปนตายร้ายดีถุกหั่นออกมาดุกายวิภาคหมดแล้วละคับส่วนเทคโลยี่โลกมนุษเรามันคงเอาไปพัตนาต่อยอดแน่ๆ ไม่งั้นมันจะหายไปไหนได้เรดาก้อมีกันทุกปะเทดซาวเดอตรวจหาสิ่งของใต้ทะเลลึกเราก้อมียังหาไม่เจอจะให้คิดว่าไงถ้าไม่ใช่พวกต่างดาว ท่านข้างบนพุดก้อน่าคิดคับ เคยได้ยินชื่อท่านนี้อยุ่ในต่วยตุน เทพนม แมีองแมน น่าเขิญท่านมาให้ความกะจ่างเรื่องนี้ได้แล้ว
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
โดนหมานุดต่างดาวเอาไปแน่เลย
เครดิต สมาชิกจากพันทิพ
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
สมาชิกเวบพันทิพคนที่ 12 แสดงความคิดเห็นว่า
หรือว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มันมาเกิดในแถบ ๆ เราแล้วหรือเปล่าหนอ
หรือว่า ทางการปิดข่าว อะไรสักอย่าง
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
สมาชิกจากพนทิพ แสดงความคิดเห็นที่ 14 มนุษย์ต่างดาวก็เป็นไปได้ครับ โอกาสที่จะเป็นก็มีอยู่ สมมติฐานนี้ผมไม่อยากให้ทิ้งไป
ไม่ก็อาจข้ามมิติแบบในหนัง LOST ก็ได้ครับ ตอนนี้อะไรก็สามารถเกิดได้หมด
โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต่างดาว ความรู้สึกผมบอกมา
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ความคิดเห็นที่ 20 //อาจจะมีติดต่อหอบังคับการ แต่มาเลย์ปิดข่าว เพราะการติดต่อมาคือโดนไฮเเจ็คแล้วบังคับเครื่องให้เข้ามาในกัวลาลัมเปอร์เพื่อเหตุผลบางอย่าง ทอ.มาเลย์เลยจำเป็นต้องหยุดยั้ง จึงเป็นที่มาของการอ้ำๆอึ้งๆเยี่ยงนี้
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ความคิดเห็นที่ 30 ความเห็นส่วนตัวนะคะ อาจผิดไปบ้าง เนื่องจากไม่ค่อยมีความรึู้้เรื่องเครื่องบินเท่าไหร่ 1. อาจจะระเบิดกลางทะเล ตามที่ว่าแหละค่ะ ชิ้นส่วนกระจายในมหาสมุทร กระแสน้ำทะเล และมหาสมุทรที่กว้าง ยากแก่การค้นหาซาก 2. โดนจี้ไปจอดที่ไหนสักแห่ง หรือ เรดาร์ วิทยุสื่อสารเสีย หรือ โดนปิด 3. *เป็นเรื่องของมิติและมนุษย์ต่างดาว* ความเห็นข้างบนได้กล่าวไว้บ้างแล้ว จึงอยากมาเติมข้อมูลตามที่ทราบมาค่ะ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ *มีงานวิจัยและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์* - การหายไปอีกมิติหนึ่ง : ประตูมิติหรือเรียกว่ารูหนอนแห่งการเวลา เกิดจากการซ้อนทับกันอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นรูที่เป็นทางเชื่อม รูนี้มีอยู่ทั่วในเอกภพ ไม่อยู่กับที่ เคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งเสมอๆ ซึ่งมีสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า มนุษย์ต่างดาวที่มีวิทยาการล้ำหน้ากว่าเรา ใช้ทางนี้เพื่อท่องไปในที่ต่างๆในอวกาศในเวลาอันสั้น ปล.จากการคิดคร่าวๆของนักฟิสิกส์ เอกภพ ไม่ได้เป็นพื้นทีากว้างใหญ่แนวระนาบนะคะ เป็นที่ที่มีมิติมากกว่า 10 มิติ ไม่ใช่แค่ กว้าง ยาว สูง แต่มี เวลา แรงโน้มถ่วง และอีกมากมายมาเกี่ยวข้องค่ะ แต่ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้เพราะสสารในเอกภพส่วนใหญ่เป็นสสารมืด ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่านะคะ
สุดท้ายนี้หวังว่า ความเห็นนี้คงมีเหตุผลมากพอ ทำให้เม้นบนไม่ดูเป็นเรื่องไร้สาระนะคะ รบกวนผู้รู้แก้ไขสิ่งที่ดิฉันเม้นในนี้ด้วยค่ะหากมีจุดไหนผิดพลาด
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
มนุษย์ต่างดาว-ลักพาตัว-มีชีวิต!? สถานะของแอร์มาเลย์
การสูญหายของมาเลเซีย แอร์ไลนส์ทำให้หลายคนปักใจเชื่อว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด อาทิ มีการเชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาว การลักพาตัวข้ามชาติ และญาติบางส่วนเชื่อว่าผู้โดยสารบนเครื่องบินยังมีชีวิตอยู่
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเกี่ยวกับการสูญหายของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH370 ว่าข่าวลือต่างๆ โหมกระพืออย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้มีสื่ออินเทอร์เน็ต และเนื่องจากหลายคนก็ปักใจเชื่ออยู่แล้วว่าต้องเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ทำให้ เครื่องบินลำนี้หายสาบสูญ นอกจากนี้อีกทฤษฎีหนึ่งที่หยิบยกขึ้นมาก็คืออาจเกิดเรื่องฉับพลันทันด่วนที่ทำให้เครื่องบินร่วงลงกะทันหัน โดยในช่วงที่เครื่องบินเทคออฟอาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาบางอย่างจึงทำให้ เครื่องเปลี่ยนเส้นทางบิน แล้วตัวเครื่องก็ไปตกลงที่เกาะแห่งหนึ่งในขณะที่ผู้โดยสารอาจจะยังมีชีวิตอยู่
ทั้งนี้ การคาดการณ์ปรากฏตามสื่อออนไลน์มากมาย มีทั้งเรื่องที่เชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาว การลักพาตัวข้ามชาติ แม้กระทั่งคาดเดาว่าเรื่องทั้งหมดอาจเป็นแผนโปรโมทภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ญาติพี่น้องชาวจีนของผู้โดยสารต่างร้องไห้คร่ำครวญเพราะล่วงเลยมาหลายวันแต่ยังไม่รู้ชะตากรรมของผู้โดยสารบนเครื่องบินที่หายสาบสูญไป และตอนนี้ก็มีการคาดการณ์กันหลายเรื่องเกี่ยวกับการหายไปอย่างลึกลับ ซึ่งญาติพี่น้องบางคนยังมีหวังเพราะพวกเขาลองโทรศัพท์ติดต่อไปยังมือถือของผู้โดยสารบนเครื่องบินลำดังกล่าวแล้วยังได้ยินเสียงรอสายตอบกลับมา
เครดิต ทีมข่าวสปริงนิวส์
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
อะไรๆก้อเปนไปได้
|
ผมคิดว่าเปนไปได้สุงมนุษต่างดาว นำออกจากโลกเราไปแล้ว คิดสิคับหลายประเทสในโลก ที่วิทยาการ เครื่องมือค้นหาออกทันสมัย ต้องช่วยกันสืบหาแน่นอน กล้องจากดาวเทียมสอดแนมเยอะไป ทั่วโลกหลายประเทส ต่างก้อแข่งกันค้นหาอยากได้หน้า ได้เจอพบเปนประเทสแรกๆ เพื่อจะได้หน้าตา แต่ทำไมยังหาไม่เจอหลายวันมาแล้ว หากโดนบังคับบินออกนอกเส้นทาง ย่อมไม่พ้นการตรวจจับจากภาพถ่ายดาวเทียมสายลับได้หลอกโทรมือถือแต่ละคนก้อมี บางทีมาเล อาจรุ้อะไรลึกๆ เรื่องมนุษต่างดาวที่ติดต่อมายังหอบังคับการบิน แต่ไม่กล้าเผยด้วยมีข้อแลกเปลี่ยนกับต่างดาวอยุ่ ก้อเปนได้ อย่าลืมหลายๆเหตการในโลก ที่เกิดขี้น ล้วนมีส่วนคล้ายในหนังวิทยาศาสทั้งนั้น ดุอย่างสึนามีและวิกฤติน้ำแข็งในอเมริกาดิเหมือนมั้ยละ สิ่งเหลือเชื่อในอดีตในนหังยังมาเปนความจิงเลยเดี่ยวนี้
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
มนุษย์ต่างดาวชอบอาศัยอยู่ตามป่าตามเขา ตามเกาะต่างที่ไม่มีใครอยู่ ความโชคร้ายที่เครื่งบินนี้ผ่านมา มันเลยจัดการซะเลย อาจจะยิงแสงเรย์เซอร์ให้หายไปสู่อีกมิติหนึ่งก็อาจเป็นได้..ตามที่คห.ที่ 27 ได้บอกมาครับ..
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|
ผมคิดว่าเปนไปได้สุงมนุษต่างดาว นำออกจากโลกเราไปแล้ว
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
ไม่รุ้สิคับ
|
ป่านนี้แล้วเลยมากี่วันแล้วยังคิดเปนอื่นๆไม่ได้นอกจากมนุษย์ต่างดาวแน่นอนคับอย่ามองว่าบ้านะครับ ทั่วโลกก้อสนใจการสุญหายได้เข้ามาร่วมค้นหาพร้อมเครื่องมือทันสมัยมาร่วมยังไม่มีวี่แววมันหายไปได้ยังไงหากไปลงตามเกาะต่างๆในโลกก้อคงในเอเวียด้วยกันนะคัรบลงที่ไหนก้อต้องมีพื้นทางราบระเนะระนาดทั้งต้นไม้หาดทรายชิ้นส่วนแตกกะจายไฟไหม้พุ่งพวยกลุ่มควันไกลๆก้อมองเหนด้วยดาวเทียมสอดเนมแน่นอน มันไม่ขำแล้วไกล้ประเทดไทยด้วยนะครับ
|
|
Tags: |
|
![]() |
|
|