|
สวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านจ้าาาา ฤกษ์งามยามดีวันนี้มาเดินเล่นที่ The Walk ราชพฤกษ์ เลยได้ลิ้มลองชาบูสุกี้ระดับพรีเมียมที่ร้าน Kagonoya ค่ะ
ร้าน Kagonoya ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โซน Market Walk ค่ะ ตัวร้านเองอยู่ด้านหลังของร้าน KFC ค่ะ หาไม่ยากเลย แต่ถ้าหาไม่เจอก็แนะนำให้ถามคุณรปภ.นะคะ เพราะตัวโครงการค่อนข้างกว้างขวาง เดินหานานๆเดี๋ยวจะพาลโมโหหิวเอาค่ะ ;P
มาถึงแล้วค่ะ ^^
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หน้าร้านตอนนี้มีป้ายเมนูอาหารกลางวันอยู่ ชุดละไม่ถึง 300 บาท น่าสนใจมากๆค่ะ แต่เป้าหมายในวันนี้ของเราคือ ชาบูเนื้อคาโกะโนยะ ดังนั้นเมนูอื่นๆเอาไว้มาจัดวันหลังค่ะ อิอิ
|
|
|
|
|
|
|
รออ่านๆ ครับ 
|
|
|
|
|
|
|
นั่งรอที่โต๊ะได้ไม่นานชาเขียวก็มาเสิร์ฟก่อนเลยค่ะ
ขอคอมเม้นต์ตรงๆเลยว่าชาเขียวที่นี่ธรรมดาไปนิด ไม่มีกลิ่นข้าวคั่วหอมๆเหมือนที่อื่น รสชาติกลางๆไม่ขมไม่หวานค่ะ ส่วนตัวเราเป็นคนทานน้ำน้อยอยู่แล้วเลยไม่ได้ซีเรียสค่ะ (แต่ถ้าหอมกว่านี้ก็จะดีกว่านะ) อ้อลืมบอก ชาเขียวรีฟิลที่นี่แก้วละ 30 บาทค่ะ มีทั้งร้อนและเย็น แต่ถ้าทานเป็นบุฟเฟ่ต์ จะรวมน้ำรีฟิลอยู่แล้วค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
เมนูที่เราสั่งในวันนี้คือ ชุดชาบู-ชาบูเนื้อคาโกะโนยะ เพิ่มเนื้อออสเตรเลียและเนื้อหมูพิเศษค่ะ

|
|
|
|
|
|
|
แน่นอนว่า มาทั้งที คงไม่หม่ำแค่นี้แน่นอน! อีกหนึ่งเมนูที่สั่งคือ ชุดสุกี้ยากี้เนื้อคาโกะโนยะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ระหว่างรออาหารมา เลยได้ฟังคุณ Supervisor เล่าเรื่องราวของร้าน ร้านคาโกะโนยะนี้ เป็นร้านชาบูสุกี้ชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่มีสาขามากกว่า 70 สาขาทั่วประเทศค่ะ ร้านคาโกะโนยะ เป็นร้านสไตล์โรงเตี๊ยมญี่ปุ่นโบราณ ที่เวลาผู้เดินทางแวะมาพักผ่อน ก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี และบริการอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง จนทำให้อยากกลับมาพักอีกค่ะ ส่วนเนื้อคาโกะโนยะที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านนั้น เป็นเนื้อวัวพันธุ์พิเศษจากออสเตรเลีย เลี้ยงด้วยธัญพืชอย่างดีตามสูตรเฉพาะ เนื้อที่ได้จะมีคุณภาพสูง กลิ่นหอมหวาน รสชาติดีแม้จะไม่จิ้มน้ำจิ้มค่ะ
ส่วนน้ำซุปชาบูนั้น ทางร้านมีซุปให้เลือก 6 รสชาติค่ะ ซุปแบบแรกคือ ซุปสาหร่าย เป็นน้ำสต็อกต้มกับสาหร่ายคอมบุ (สาหร่ายคอมบุนี้ เคยอ่านเจอว่า ที่ญี่ปุ่นใช้ทำเป็นผงชูรสจากธรรมชาติค่ะ) น้ำซุปสาหร่ายคอมบุเหมาะจะทานกับเนื้อคาโกะโนยะค่ะ เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของเนื้อชัดเจนมากยิ่งขึ้น น้ำซุปแบบที่สองคือ น้ำซุปแกงกะหรี่ จะเป็นแบบเดียวกับแกงกะหรี่ที่ทานเป็นข้าวหน้าแกงกะหรี่ แต่เอามาเคี่ยวกับน้ำสต็อกเพื่อลดความข้นหนืดค่ะ น้ำซุปแบบที่สามคือ น้ำซุปโซบะโชยุ น้ำซุปนี้คล้ายๆกับน้ำซุปเวลาที่ทานโซบะเย็นค่ะ ทางร้านบอกว่า น้ำซุปโซบะโชยุเหมาะจะทานกับเนื้อหมูค่ะ น้ำซุปแบบที่สี่เป็นน้ำซุปไก่ ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำสต็อกไก่ น้ำซุปแบบที่ห้าเป็น น้ำซุปสุกี้ยากี้ เป็นสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า ซุปดำ นั่นแหละค่ะ รสชาติเค็มหวานเข้มข้น และซุปสุดท้ายคือ น้ำซุปกิมจิ ค่ะ รสชาติเผ็ดร้อนเบาๆตามแบบของกิมจิ ถ้าสั่งซุปสุกี้หรือซุปกิมจิ จะคิดเพิ่ม 40 บาทนะคะ แต่เราไม่ได้สั่ง เพราะสั่งชุดสุกี้ยากี้เนื้อมาอยู่แล้วค่ะ
กำลังฟังเพลินๆ อาหารก็เริ่มมาแล้วค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
หม้อชาบูเป็นแบบฮาล์ฟนะคะ ดังนั้นสามารถเลือกได้สองซุป วันนี้เราเลือกซุปสาหร่ายกับซุปโซบะโชยุค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ในชุดเซ็ทของชาบูหนึ่งเซ็ท จะประกอบไปด้วย เนื้อคาโกะโนยะหนึ่งถาด (หรือถ้าสั่งชุดเนื้อออสเตรเลียหรือชุดหมูพิเศษ ก็จะได้ตามนั้นค่ะ) ชุดผักสดอนามัย และเส้นอุด้งค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
และอย่างที่บอกว่า เราสั่งเนื้อออสเตรเลีย และเนื้อหมูพิเศษ เพิ่มมาด้วยอย่างละหนึ่งจานค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อคาโกะโนยะลายสวยมากๆค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อหมูพิเศษเป็นหมูจาก S-Pure นะคะ คุณภาพดีแน่นอน
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อออสเตรเลียก็น่ากิ๊นนนนน่ากิน
|
|
|
|
|
|
|
ในชุดผักสดอนามัยประกอบไปด้วย ผักกาดขาว ต้นหอมญี่ปุ่น ผักปวยเล้ง หอมใหญ่ซอย แครอท สาหร่ายวากาเมะ และเห็ดเข็มทองค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
สำหรับน้ำจิ้มชาบูนั้น ทางร้านมีให้เลือกสองแบบค่ะ ถ้วยทางซ้ายมือคือน้ำจิ้มงา ถ้วยทางขวาคือน้ำจิ้มปอนซึค่ะ ปอนซึนี้ เวลาจะทาน ให้ใส่หัวไชเท้าราดซอสโมมิจิและต้นหอมสับลงไปด้วย จะช่วยให้กลิ่นหอมรสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้นค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
แต่พอได้ทานจริงๆแล้ว เราว่าถ้าทานน้ำซุปโซบะโชยุ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มก็อร่อยค่ะ เราทานแบบไม่จิ้มตลอดทั้งมื้อเลย เพราะตัวน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมอยู่แล้ว ส่วนเนื้อคาโกะโนยะและเนื้อออสเตรเลีย กลิ่นหอมมากจริงๆค่ะ ทานกับน้ำซุปสาหร่ายนี่ได้ความหอมและรสชาติของเนื้อแบบเต็มๆ เนื้อสไลด์มาได้บางดี แต่เราว่าชิ้นใหญ่ไป ถ้าหั่นแบ่งครึ่ง น่าจะพอดีสำหรับการทานหนึ่งคำค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ทานไปซักพักชุดปลาดิบรวมก็มาเสิร์ฟค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ในชุดปลาดิบรวมหนึ่งชุด จะมีปลาแซลมอน ปลามากุโร่ กุ้งโบตั๋น ปลาซาบะ และปลาหมึกที่ห่อไข่ปลาแซลมอนอยู่ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ปลาดิบรสชาติดีตามมาตรฐานค่ะ สด ไม่คาว หั่นมาชิ้นหนามากๆ กุ้งมีสองตัวเราคีบไม่ทันค่ะ - - ฟังจากปากคนแย่งหม่ำบอกว่าอร่อยมากๆ เสียดายเลยที่ไม่ได้ลอง T^T*
|
|
|
|
|
|
|
เมนูต่อมาคือ ชุดไคเซกิแบบดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น เนื้อคาโกะโนยะ ค่ะ ไคเซกิเป็นศิลปะการเสิร์ฟอาหารแบบชั้นสูงของญี่ปุ่นที่เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง พิถีพิถันในเรื่องรสชาติ และจัดอาหารตกแต่งจานให้มีสมดุลของสีสันค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ในชุดไคเซกิประกอบไปด้วย อาหารชุดไคเซกิหนึ่งชุด ชาบู-ชาบูหม้อไฟกระดาษเนื้อคาโกะโนยะ ซูชิ 3 ชิ้น ซุปมิโสะ และไข่ตุ๋นค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ส่วนของอาหารชุดไคเซกิก็จะมี เทมปุระรวมที่มีกุ้งเทมปุระ ข้าวโพด กุ้งซากุระที่เป็นกุ้งญี่ปุ่นตัวเล็กๆชุบแป้งทอดพร้อมกับสาหร่าย และถั่วฝักยาว นอกจากนี้ยังมีซาชิมิ สลัดผัก และไข่หวานเสิร์ฟคู่ผักดองค่ะ เครื่องในไข่ตุ๋นมี เนื้อไก่ กุ้ง และเห็ดหอมค่ะ เทมปุระอร่อยมากๆ โดยเฉพาะกุ้งซากุระ แต่ถั่วฝักยาวขมไปนิดสำหรับคนไม่กินผักอย่างเรา ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนรสชาติดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ซูชิ 3 ชิ้นจะมีซูชิปลาแซลมอน ซูชิปลามากุโร่ ซูชิกุ้งและข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนค่ะ ขอบอกเลยว่าข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนอร่อยมากค่ะ!
|
|
|
|
|
|
|
และส่วนของชาบู-ชาบูหม้อไฟกระดาษ ก็จะมีเนื้อคาโกะโนยะกับผักสดอนามัยค่ะ ตัวน้ำซุปเป็นน้ำซุปโซบะโชยุนะคะ ถ้าไม่ทานเนื้อ จะสั่งเป็นชุดเนื้อหมูพิเศษ หรือชุดไก่ก็ได้นะคะ
|
|
|
|
|
|
|
หม้อไฟกระดาษแปลกดีค่ะ เคยอ่านเจอแต่ในหนังสือ ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นจริงๆ กระดาษเป็นกระดาษหนาพอสมควรค่ะ คุณ Supervisor บอกว่า กระดาษนี้ ถ้าจุดไฟทิ้งไว้เฉยๆโดยไม่เติมน้ำซุป กระดาษจะไหม้ทันทีค่ะ แต่ถ้ามีน้ำซุปอยู่จะไม่ไหม้เลย
|
|
|
|
|
|
|
และชุดสุกียากี้เนื้อคาโกะโนยะก็มาเสิร์ฟต่อทันทีเลยค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ในหนึ่งที่ประกอบไปด้วย ชุดสุกียากี้เนื้อคาโกะโนยะ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย ซุปมิโสะ ผักดอง และไข่ไก่ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ที่เสิร์ฟไข่ไก่มาด้วย เพราะน้ำซุปสุกี้จะมีรสชาติเข้มข้นอยู่แล้วค่ะ สไตล์การกินสุกียากี้ของชาวญี่ปุ่นคือ ใช้ไข่ไก่สดแทนน้ำจิ้มค่ะ หยดโชยุนิดหน่อยลงไปในไข่ แล้วตีไข่เบาๆให้เข้ากัน (อย่าให้ถึงขั้นทำไข่เจียวนะคะ) คีบเนื้อที่สุกแล้ว มาชุบกับไข่ไก่ แล้วค่อยทานโดยที่ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มเลยค่ะ เพราะรสชาติเข้มข้นของน้ำซุปสุกี้ที่ซึมเข้าเนื้อพอทานกับไข่ไก่แล้วจะลงตัวพอดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ในหม้อสุกี้ก็มีเนื้อให้แล้วนะคะ แล้วก็มีเพิ่มมาอีกจานนึงด้วยค่ะ ทางร้านบอกว่า ให้ลูกค้าไว้ใส่ในหม้อสุกี้เองค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
แล้วเมนูสุดท้ายก็มาถึงค่ะ ชุดหมูคัทสึโทจินั่นเอง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ซุปมิโสะ และผักดองเหมือนเดิมค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ตัวคัทสึหมูของทีนี่จะแปลกกว่าที่อื่น เพราะจะนำเนื้อหมูมาสไลด์เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ คลุกแป้งคลุกไข่ไก่แล้วค่อยนำไปทอดค่ะ ทางร้านบอกว่า วิธีนี้จะทำให้เนื้อหมูนุ่มทานง่าย ซึ่งก็จริงค่ะ รู้สึกว่าหมูนุ่มกว่าร้านอื่นๆที่เคยลองค่ะ
เวลาเสิร์ฟ ทางร้านจะราดไข่ไก่ที่ปรุงรสแล้วมาให้เลยค่ะ พอมาเสิร์ฟที่โต๊ะก็จะจุดไฟที่ใต้กระทะ ดังนั้นเราจะได้เห็นตอนไข่กำลังเดือดปุดๆด้วยค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
สังเกตด้านซ้ายบน จะมีแผ่นเหล็กกลมๆพร้อมที่จับ นั่นคือสิ่งที่เราเอาไว้ดับไฟค่ะ บางท่านอาจจะไม่ชอบไข่สุกมาก ถ้าคิดว่าได้ที่แล้ว สอดแผ่นเหล็กเข้าใต้กระทะเพื่อดับไฟได้เลยค่ะ (ระวังมือโดนกระทะด้วยนะคะ)
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อทุกสิ่งอย่างมาพร้อมแล้ว... หม่ำเลยดีกว่าค่ะ!
|
|
|
|
|
|
|
|
จบอาหารคาวแล้ว ก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน เห็นเมนูหน้าตาแปลกๆเลยลองสั่งมา จานนี้คือ มัทฉะวาราบิโมจิ ค่ะ วาราบิโมจิเป็นขนมชนิดหนึ่งในตระกูลโมจิของญี่ปุ่นค่ะ แต่จะไม่เหมือนกับโมจิหรือไดฟูกุซะทีเดียว เพราะใช้แป้งต่างชนิดกันในการทำค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
มัทฉะวาราบิโมจิของร้านคาโกะโนยะนี้ นำมาผสมกับชาเขียวแท้จากญี่ปุ่น โรยด้วยผงชาเขียว ราดด้วยน้ำตาลทรายแดงเคี่ยว ตามแบบฉบับของขนมวาราบิโมจิตำรับญี่ปุ่นค่ะ ลักษณะของวาราบิโมจินั้นจะเหนียวนุ่ม ลื่น ออกแนวขนมชั้นผสมกับวุ้นค่ะ หอมชาเขียวมากๆ เราว่าอร่อยดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ของหวานจานต่อมาได้แก่เค้กข้าวถั่วแดง
|
|
|
|
|
|
|
เค้กข้าวที่ว่าก็คือโมจินั่นเอง ปั้นมาเป็นลูกกลมๆ วางล้อมรอบถั่วแดงบด ราดด้วยน้ำตาลทรายแดงเคี่ยว เราชอบมากๆค่ะ เป็นคนชอบทานโมจิอยู่แล้วด้วย หวานอร่อยดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
และตบท้ายด้วย ไอศกรีมชาเขียวพาเฟ่ท์ ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
ไอศกรีมชาเขียวสูตรพิเศษของร้านคาโกะโนยะ เสิร์ฟพร้อมมัทฉะวาราบิโมจิ ถั่วแดงบด โมจิปั้นก้อนกลม เวเฟอร์ วิปครีม โรยคอนเฟล็ก ราดด้วยน้ำตาลทรายแดงเคี่ยว ปลื้มมากๆกับถ้วยนี้ค่ะ เป็นการปิดมื้อนี้ด้วยของหวานที่ถูกปากสุดๆค่ะ ^^
พบกันใหม่รีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|