(ต่อ)
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ "ลูกยอด" ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีที่เก็บเนื้อเก็บตัวตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวเท่าที่ควร จากนั้นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 นายศิริวัฒน์ถูกโยกมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงเป็นรัฐมนตรีโลว์โปรไฟล์แบบคงเส้นคงวา แต่สามารถเกาะเก้าอี้เหนียวแน่นจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 5
หลายคนมองว่าที่นายศิริวัฒน์เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ เพราะมีแบ๊กอัพดี นั่นคือคุณพ่อสนั่นนั่นเอง เมื่อช่วงเปลี่ยนผ่านคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 ไปยิ่งลักษณ์ 4 ปรากฏเรื่องน่าเศร้าสะเทือนวงการการเมือง พล.ต.สนั่นถึงแก่อนิจกรรม
ถึงแม้ผู้เป็นพ่อไม่อยู่แล้ว แต่นายศิริวัฒน์ยังคงอยู่ในตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งรัฐบาลประกาศยุบสภา ข่าวว่าสาเหตุที่อยู่ในตำแหน่งได้นาน เพราะ "ผู้ใหญ่" สั่งงานได้ และส่งคนมาทำงานแทนเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่า เป็นรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คนที่มีตำแหน่งปรากฏอยู่บนโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีคณะที่ 60 ของไทยตั้งแต่ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1-5
ในด้านผลงานของนายศิริวัฒน์ ในกระทรวงเกษตรฯช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2-5 นั้น นายศิริวัฒน์ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมงานที่มักไม่เป็นข่าว อย่างกรมหม่อนไหม กรมประมง และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 2556 เกิดประเด็นขึ้นเมื่อเกิดโรคกุ้งตายด่วน กระทบต่อธุรกิจการส่งออกสินค้าประมง เกิดเหตุน้ำมันรั่วที่ จ.ระยอง กระทบต่อประมงพื้นบ้าน และผู้บริโภคขาดความมั่นใจเรื่องอาหารทะเล และอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากๆ ต่อระบบการส่งออกสินค้าประมงคือ สินค้าประมงติด 1 ใน 5 ของสินค้าที่ใช้แรงงานผิดกฎหมาย ภาคเอกชนได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ และติงว่าที่ผ่านมาภาครัฐไม่เอาจริงเอาจัง จนประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกายังไม่พอใจกับการดำเนินงานที่ผ่านมามากนัก และกำลังมีการทบทวนยกระดับจับตามองสินค้าประมงไทยจากระดับ 2 ขึ้นระดับ 3 หรือไม่ หากถูกปรับอันดับ นั่นหมายความว่าการส่งสินค้าประมงไปยังต่างประเทศจะทำได้ยากขึ้น
แต่นายศิริวัฒน์ยังคงทำงานเหมือนเดิมคือให้ข่าวผ่านข่าวแจกที่กระทรวงเกษตรฯเป็นผู้ดำเนินการ ไม่นิยมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยตรง
คนสุดท้าย นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง หลังจากหลุดพ้นจากบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยได้รับมอบหมายจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ 3 ให้ดูแลงานในสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค งานของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีกองทุนหมู่บ้านและกองทุนเอสเอ็มแอลให้คอยบริหารอยู่เสมอ
แต่ผลงานที่โดดเด่นกลับไม่ใช่งานในกำกับ ดูแลผิดชอบ หากเป็นงานที่ได้รับมอบหมายเฉพาะกิจ ให้ชี้แจง ตอบโต้ หรือเคลียร์ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการต่างๆ ของรัฐบาล
เช่นการออกมา ชี้แจงกรณีการรับจำนำข้าวที่รัฐบาล ถูกโจมตีอย่างหนัก หลังจาก นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดโครงการรับจำนำข้าว ออกมาเปิดตัวเลขว่าขาดทุนมหาศาล
นับจากนั้นนายวราเทพจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลอีก 1 ตำแหน่ง ในคณะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ 5 คือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เข้ามาดูกรมที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องข้าวทั้งหมด อาทิ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
ช่วงแรกๆ ที่นายวราเทพมีตำแหน่งที่กระทรวงเกษตรฯ ดูเหมือนว่างานเรื่องข้าวจะเดินหน้าเต็มสูบ ผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงเกษตรฯมีงานให้ทำอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อกระแสโครงการจำนำข้าวจางหายไป มีวาระทางการเมืองร้อนๆ อย่างเรื่องการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้ามาแทนที่ นายวราเทพก็ค่อยๆ ลดบทบาท
ไม่ค่อยปรากฏตัวที่กระทรวงเกษตรฯมากนัก มีบางครั้งเท่านั้นที่แวะเวียน มาให้ข่าวที่กระทรวงเกษตรฯ เนื่องจากติดภารกิจการเมืองที่รัฐสภา
คงต้องยกให้เป็นรัฐมนตรีเฉพาะกิจ รับจ๊อบเป็นเรื่องๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง จนลืมไปแล้วว่าเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 13 ฉบับวันที่ 31 ธันวาคม 2556