jubijoe
|
โดยส่วนตัว เราทำอาหารได้ค่ะ แล้วก็ชื่นชอบด้วยซ้ำ ตอนนี้รู้สึกเบื่องานออฟฟิดมากค่ะ อยากทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าเราตัดสินใจลาออก มาขายข้าวแกง แถวๆ ตลาดนัดหลังออฟฟิดย่านสีลม จะโอเคมั้ยคะ
|
|
|
|
|
|
|
|
ปัง
|
เบื่องานที่ทำอยู่เหมือนกันค่ะ คิดอยากจะออกมาหาธุรกิจส่วนตัวทำบ้าง แต่ก้อยังไม่มั่นใจ เนื่องจากตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเมืองไม่แน่นอน และเราต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แต่ถ้าคุณมั่นใจและพร้อมก้อขอสนับสนุนค่ะ
|
|
|
|
|
|
หมู
|
เราก้อว่าจะหาทำเลขายลาบ ส้มตำแถวสีลมอยู่ จะโอเคมั้ยนะ
|
|
|
|
|
|
ยัยตัวร้าย
|
ถ้าทำงานแล้วไม่มีความสุขจะทนทำทำไมตลอดไป ออกมาทำในสิ่งที่รักจะดีกว่าเราทำงานแบงค์มา 10 ปี เพิ่งลาออกมาเล่นหุ้น รู้ว่าเสี่ยงแต่รัก เป็นกำลังใจให้คะ 
|
|
|
|
|
|
monjittoe
|
เราออกงานมา2ปีแล้วเบื่องานที่ทำตอนนี้ขายของอยู่คือน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋และก็กาแฟนมสดชีวิตมีความสุขมากกว่าตอนทำงานและแถมมีเงินเก็บด้วยตอนทำงานไม่มีเงินเหลือเลยใช้เงินพอดีทุกเดือน
|
|
|
|
|
|
กำลังใจ
|
เราก็ลาออกมาแล้ว กำลังดูว่าจะขายอะไรดี ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นะคะ
|
|
|
|
|
|
หัวอกเดียวกัน
|
ธุรกิจส่วนตัวใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ถ้าทำแล้ว อยู่รอดหรือไม่ ไม่มีใครบอกได้ งานออฟฟิตเป็นงานที่น่าเบื่อ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถ้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ก็อาจจะมีการก้าวหน้า แต่ต้องพร้อมด้วยคุณวุฒิ และวัยวุฒิ(บางที่ประเมินความอาวุโสด้วย) เป็นงานที่ลงทุนโดยใช้ความสามารถและขยัน ประจบสอพอ แต่ถ้ามาทำธุรกิจของตัวเอง ต้องใช้เงินของตัวเองลงทุน ถ้าโชคดีธุรกิจไปได้สวยก็ดีไป แต่ถ้าธุรกิจไปไม่ไหว ก็ถือว่าโชคไม่เข้าข้างแล้วล่ะ การที่คุณจะขายข้าวแกง ก็จริงอยู่ที่คุณมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาหาร แต่เราไม่รู้ว่าคุณมีประสบการณ์ในด้านค้าขายหรือไม่ อร่อยหรือเปล่า ยิ่งทำกินในครอบครัว แล้วคนในครอบครัวบอกว่าอร่อย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาทำขายได้และคุณทำกินแค่ปริมาณน้อย ใม่ใช่ปริมาณเยอะที่ทำไว้ขายและคนที่จะกินของคุณ ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่เป็นคนเดินดินทั่วไป ที่มีทั้งความชอบรสชาดหลากหลายกันไป ถ้าคุณเคยทำในปริมาณเยอะและมีประสบการณ์อันนี้ถือว่าคุณได้เปรียบกว่าพวกมือใหม่หัดขาย เพราะบางร้านถ้วยชาม กะทะ หม้อ ยังใหม่ใสกริ๊ง เคยเข้าไปอุดหนุนเหมือนกันนะ คำแรกนะพอได้ แต่พอคำต่อไปขอบอกเลยอยากวางช้อนแล้วจ่ายตังค์เลย แต่ก็ยังเกรงใจถือว่าให้กำลังใจกันไป ทนกินพร้อมกับน้ำ แต่ก็ฝืนไม่ไหวขอแค่เกือบครึ่งก็พอ แต่ยังก็ขอเป็นกำลังใจให้ ถ้าเราตั้งใจซะอย่างอะไรมาขวางก็ไม่ใช่ปัญหา ลองผิด ลองถูก เดี๋ยวก็ดีเอง แต่ต้องอดทนนะครับ เพราะมือใหม่คนส่วนมากจะไม่ค่อยอยากอุดหนุนกันครับ ยังไงก็หาอุปกรณ์ที่ผ่านการใช้งานมาใช้บ้างก็จะดีนะครับ ลูกค้าจะได้มองว่า ร้านนี้ไม่ใช่มือใหม่หัดปรุงครับ และอย่าลืมการจัดเตรียมวัตถุดิบ เราจะหาซื้อได้จากที่ไหน ที่ราคาถูกคุณภาพพอประมาณ ลงทุนครั้งแรก ลงทุนแต่พอประมาณ อย่าเพิ่งทุ่มสุดตัว เพราะเรายังไม่รู้ว่า นี่คือเป็นธุกิจที่เราจับจับตลอดไปหรือไม่ โชคดีครับ จากผู้เคยผ่านช่วงนี้มาแล้วเหมือนกัน
|
|
|
|
|
|
แม่ลูกสอง
|
ดีนะค่ะ เพราะอาหารใครก้อกิน แล้วถ้ามีฝีมือก้อทำเลยค่ะ ตอนนี้ก้ออยากออกเหมือนกัน เบื่องานออฟฟิศ เบื่อเพื่อนร่วมงาน อยากทำอะไรก้อได้ที่ได้ดูแลลูกไปด้วย สนับสนุนนะค่ะ สู้สู้
|
|
|
|
|
|
คนเคยผ่าน
|
ผมก้อเป็นคนนึงที่เคยผ่านการทำงานออฟฟิศมาครับ ตอนนั้นเป็นวิศวะที่บริษัทแห่งหนึ่ง(ขาใหญ่เรื่องงานก่อสร้างในประเทศ)แล้วก้อเบื่อชีวิตออฟฟิศมาก (ตอนนั้นได้เงินเดือนเกือบแสนบาทต่อเดือน) จึงตัดสินใจออกจากงานมาขายข้าวไข่เจียว แถวประตูน้ำ ตอนนี้จะบอกให้ครับ...ไม่มีตังแ....ก งานก้อหาไม่ได้คัยมีตังผมขอกยืมหน่อยนะครับ เปนกำลังใจให้ผมด้วยครับ
|
|
|
|
|
|
เฮ้ย
|
1.ใจต้องรักจริงๆกับทำสิ่งนั้น เพราะมันไม่ใช่ของทำเล่น 2.คุณต้องมีความถนัดมืออาชีพพอมีกึ๋นจริงไม่นั้นทำของขายง่ายลูกค้าสมัยนี้ไม่ซื้อของง่ายๆเลือกมาก 3.ไม่ทำโดยยืมจมูกเค้าหายใจ เช่น รับมาขาย เดี๋ยวฝึกก็เป็น 4.คนขายเยอะแยะคนจะมากินร้านเราเปล่า 5.ทำเลที่ว่าชอบลองไปถามราคาเช่าแล้วหรือยังว่าสู้ไหว ตอนนี้ที่ไหนก็ว่างให้เช่าแต่ทำไมเค้าไม่ขายหละ 6.ลองคำนวนยอดที่ต้องการได้ คิดเป็นจานว่าขายได้กี่จานถึงจะพอ คำนวนเวลาที่จะทำ เงินลงทุนในปริมาณนั้น ดูสิว่าเป็นไปได้ไหม 7........นั่น นี่ โน้น 
|
|
|
|
|
|
เบื่อเหมือนกัน
|
เราก็ทำงานออฟฟิตมาราวๆ 25 ปี เบื่อเหมือนกัน โอกาสทางการศึกษาน้อยกว่าคนอื่น หาเงินเรียนเองกว่าจะจบปริญญาตรีอายุก็มากแล้ว เรื่องความก้าวหน้าไม่ต้องพูดถึง ไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุนมันก็จบ แต่ก็ต้องทนเพราะต้องเลี้ยงดูลูกอีก 2 คน และส่งเงินให้พ่อแม่ทุกเดือน ไม่กล้าเสี่ยงออกมาทำอาชีพอิสระ เพราะถ้าลำพังตัวเองจะอิ่มจะอดก็ทนได้ แต่ลูกและพ่อ-แม่ เขาจะลำบากกับเราได้แค่ไหน แค่คิดก็ทุกข์แล้ว แต่ถ้าคุณมีเงินลงทุนและไม่มีภาระแห่งชีวิต เราก็ยินดีด้วยและขอให้คุณประสบความสำเร็จ
|
|
|
|
|
|
|
|
คนพอเพียง
|
ทำงานออฟฟิท ให้ตายยังไงก็ไม่รวยแน่ๆครับสำหรับบ้านๆอย่างเรา สำหรับผมก็ว่าจะออกมาทำเกษตร ทำฟาร์ดเห็ด สวนยางและไร่แก้วมังกร กล้วยและอื่นๆครับกำลังสะสมเงินทุนรอเวลาออกแค่นั้นเองครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
|
|
|
|
|
|
ใจสู้หรือเปล่า
|
เราออกจากงานมาได้ 6 ปีแล้ว เรามาเปิดร้านซักรีด จากเงินทุน 40000 บาท ตอนนี้เราสามารถ ซื้อรถตู้ มือสองไว้ส่งผ้าได้ในราคา 350000 บาท ด้วยเงินสด และซื้อทีดินที่ต่างจังหวัด นิดหน่อย ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราว่าเราจะสู้หรือเปล่า เและที่สำคัญราไม่ได้จ้างเขานะเราทำเอง เหนื่อยแต่ก็มีความสุขดี
|
|
|
|
|
|
คนเคยทำงานออฟฟิศ
|
เป็นกำลังใจให้คะ เคยทำงานออฟฟิศเหมือนกันแต่ลาออกแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่สบายตอนนี้รับขนมมาขายตามตลาดนัดหน้าห้าง ฯ(ขายอยุ่เชียงใหม่คะ)ขายได้วันละ 5-6พันบาทวันใหนดีก็ถึงหมื่นก็มี หักกำไรวันละพัน-สองพันคะ มีเงินผ่ิอนรถ ส่งให้พ่อแม่ แต่ก็ยังเป็นหนี้อยู่นะคะ แต่ทำงานสบายใจคะ อาจยากในการตัดสินใจครั้งแรกคะ ถ้าเราอดทนที่จะทำมันจริิงๆ เดี่ยวก็ผ่านได้คะ สู้สู้นะคะ
|
|
|
|
|
|
maxky
|
เราก็เป็นอิกคนที่เคยทำงานออฟฟิศและออกมาเปิดร้านขายของชำ ก้อขอให้คิดแค่ว่าขยันก้อได้เป็นเงินเรา ไม่ต้องมาคอยกดดันกับเพื่อนร่มงานรึนายจ้าง ตอนนี้เราสุขใจที่สุด ส่วนเรื่องจะไปรอดมั๊ยกับสิ่งที่เราเลือกนั้นขึ้นอยู่กับเราจะสู้แค่ไหนนะคะ ชีวิตเราต้องลองค่ะ ไม่ลองจะไม่มีโอกาสรู้เลยว่าจะดีรึไม่ดี มาสู้ด้วยกันนะคะ(เอาใจช่วยค่ะ)
|
|
|
|
|
|
คนหลงทาง
|
เราก็เป็นอีกคนทำงานออฟฟิตมา 7 ปี เงินเดือน 35,000 ลาออกมา 4 ปีแล้ว ทำนั่นทำนี่จนทุนหมด ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือเก็บเป็นหนี้เพิ่ม ลองคิดดูนะคะ ถ้าใจไม่รักจริงๆ ทนทำงานไปดีกว่าค่ะ อย่างน้องไม่ต้องลงทุน ใช้สมองอย่างเดียง  
|
|
|
|
|
|
tod
|
ต้องลองทำดูก่อนคะอย่างเพิ่งลาออกลองๆทำตอนเย็นเลิกงานถ้าโอเคลาออกได้เลยคะพราะถ้าลาออกก่อนแล้วมันไม่โอเคกลับเข้าไปทำงานยากนะคะเราตอนนี้เลิกงาน4โมงไปขายรองเท้าที่เปิดท้ายอยู่ได้พอๆกับเงินเดือนเลยจะลองดูสักพักถ้าโอเคก็ว่าจะลาออกเหมือนกันแต่ให้ลงตัวกว่านี้อีกนิด1สู้ๆนะคะ
|
|
|
|
|
|
นายน้อย
|
ถ้าอร่อยคุณภาพดีเเละมีปริมาณที่พอสมควร เเละต้องมีกำไรอย่างน้อยๆ 150% ถึงจะอยู่ได้
|
|
|
|
|
|
น่ะ
|
ทำเลยครับถ้าเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองว่าดีไม่เป็นรองใคร เป็นลูกน้องเงินเดือนแน่นอน คือ จะทำมากทำน้อยก็ได้อยู่แค่นั้น ขายอาหารคนเราต้องกินทุกวันอยู่แล้วเงินเดือนอันนี้ทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ไม่ตายตัวว่าต้องได้เดือนนึงแค่นี้
|
|
|
|
|
|
พลพงษ์
|
ดีครับ ผมรับราชการ เดือนละสามหมื่นบาท จะเออรี่มาทำสวนอาหารแล้วครับ ยังดีมีบำนาญรองรับ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
|
|
|
|
|
|
เชื่อเราเถอะ
|
อย่าออกมาเลย ชีวิตไม่เหมือนฝัน ไม่มีอะไรตกมาจากสวรรค์อย่างที่คิด เริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายๆในสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ อดทนทำงานไปเถอะเพราะยังไงๆๆก้อมีรายได้ที่แน่นอนในแตาละเดือน ถ้าคิดจะลาออกมาทำธุรกิจเอง ต้องดูว่าเรามีสายป่านยาวแค่ไหน ถ้ามีเงินก้อนที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรมีกินมีใช้สบายๆสัก 2-3ปี ก้อน่าลอง แต่ถ้าไม่มีอย่าออกมาฆ่าตัวเองเลย ทุกวันนี้ลองพิจารณาดูดีดีนะว่า คนขายมากกว่าคนซื้อกี่เท่าตัว ออกมาให้เจ็บตัวเปล่าๆๆ แล้วเรื่องที่ขายของก้อสำคัญนะ ถ้าที่ดีีก้อค่าเช่าแพง จะไหวมั้ย บวกลบคูหารดีดีก่อน อย่าไปเชื่อเจ้าของที่ที่ขายเดิมที่บอกว่าขายดีจริงๆๆๆๆแต่มีเหตุผลส่วนตัวต้องเลิกหรือเซ้งที่ เซ้งกิจการ อย่าไปเชื่อ ถ้าดีจริงไม่มีทางเลิกหรอก อดทนทำงานไปเถอะ สู้ๆๆนะ เป็นกำลังใจให้คนทำงาน รู้ว่าหนักและเหนื่อยและท้อแค่ไหน กับการต่อสู้กับงานและคน แต่มันก้ออุ่นใจกว่าที่ออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะเป็นยังไง สิ้นเดือนจะมีเงินกินข้าวมั้ย !!! เชื่อเราเถอะลองมาแล้วกับตัว เห็นมาแล้วหลายสิบคนที่ ก้าวพลาด...สู้ๆๆนะ
|
|
|
|
|
|
|
ทำกินกับทำขายต่างกันนะ อย่างทำกินเราใช้น้ำปลาก็จริง แต่ทำขายต้องใช้เกลือเพื่อลดต้นทุน และข้อเสียของเกลือคือลดชาติมันจะขาดๆ คือเค็มโดดไม่หวานนัว ตะก่อนขายอาหารเหนือใช้วิธีคือพริกแกงทำเองเติมกะปิจะทำให้น้ำแกงเข้มข้น รสนัว(อุมามินะแลเทอญ) แต่ใ่ส่มากก็เค็มนะ อย่างหมู หมา กา ไก่เนียละ ใส่เยอะก็ไม่ดี ตักไม่เป็นก็ขาดทุน อาหารเหลือต้องเก็บให้เป็น บัดกรีให้เป็น อย่างอาหารที่มีเห็ดงี้เก็บได้ไม่นานแค่ไม่ถึงครึ่งวันก็บูด(ถ้าอากาศร้อน) แต่เห็ดไม่แนะนำให้บัดกรีไม่ เพราะ อาหารจะเสียเร็วมาก แต่อย่างไรถ้าศึกษาดีๆแนะนำนะ เพราะอาหารต้องกินทุกวัน อย่างเสื้อผ้าของใช้งี้ใช่ว่าต้องซื้อทุกวัน
|
|
|
|
|
|
ผู้หวังดี
|
บางทีชีวิตคนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป เราไม่อาจรู้หรอกว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเมื่อเราได้ตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องสู้และไม่ท้อถอยกับสิ่งที่จะเกิดต่อไปในอนาคต ต้องลองใตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ถ้าอยู่กับที่แล้วนิ่งไม่มีอะไร ก็ตัดสินใจไปเหอะ อย่างน้อยก็ยังมีขึ้นหรือมีลง ก็ขึ้นอยุ่ที่เราทำ  
|
|
|
|
|
|
CWRR
|
น้องครับ อยากทำอะไร? ทำเลยครับอย่างน้อยมันก็เป็นการตัดสินใจของเราครั้งหนึ่ง ในชีวิต และถ้าทำแล้ว ก็ต้องตั้งใจ ตั้งใจ ทำให้มันสุดๆ นะครับ อย่าล้อเล่น เหนื่อยก็ต้องทน ต้องสู้ ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย แต่มันคือมันคือธุรกิจของเรา มันคือคามภาคภูมิใจครั้งหนึ่งของเรา อย่าลืมทำให้สุดกำลังนะครับ  จากพี่ที่ลาออกจากผู้จัดการฯ มาเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็ก ตอนนี้มีความสุขดีครับ
|
|
|
|
|
|
นีน
|
เราเป็นคนนึงที่ช่วงนั้นเบื่องานออฟฟิศมาก จนถึงขั้นลาออกมาโดยที่คิดว่าน่าจะไปต่อได้ แต่เงินสำรองบอกเลยมีไม่เยอะ กะว่าเอาไปลงทุนก่อนแล้วค่อยมาต่อ ยอดเอา ...บอกเลยว่า ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยขายของ ไม่มีคนที่พอจะแนะนำคุณได้ อย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้บอกได้เลยว่ามันไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนแรกเราเชื่อมั่นในตัวเองว่า เอาวะ ยังไงไม่เสี่ยงก็ไม่รู้ แต่สุดท้าย เราก็กลับมาทำงานออฟฟิศ ในระยะเวลา 1ปีที่เราลองไป ยังกลับมาได้ถือว่าโอเค เพราะถ้านานไปกว่านี้คุณอาจจะไม่มีโอกาสทำงานออฟฟิศอีกก็ได้ ลองคิดดีๆค่ะ เพราะตอนนี้อะไรก็ดูจะไม่แน่นอน มันอยู่ที่ตัวคุณต้องประเมินเอง ให้รอบคอบ ย้ำว่าต้องรอบคอบนะคะ แล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจตามที่มันควรจะเป็นค่ะ ... เป็นกำลังใจให้ 
|
|
|
|
|
|
mts
|
อยากบอกทุกคนที่เบื่องานที่ทำอยู่นะครับ ผมเองก็ไม่ได้เป้นคนทำงานที่ตัวเองอยากทำที่สุดหรอกครับ แต่ทำงานที่เราพอทำได้ในตอนนี้และทำให้ดีที่สุด ถามว่าชอบไหมก็ตอบได้เลยว่าไม่ได้ชอบงานที่ทำอยู่ แต่พยายามหากำลังใจให้ตัวเองในการทำงานอาทิตย์หนึ่งไปหาของอร่อยกินสักครั้งวันหยุดหรือวันที่เราสะดวกไป พยายามมองปัญหาให้ไม่เป้นปัญหามองเป้นสิ่งที่มันดูท้าทายความสามารถ ผมรู้นะครับคนเกินครึ่งเบื่องานออฟฟิศหรืองานที่ตัวเองทำอยุ่ในปัจจุบัน แต่อยากให้ทุกคนทำหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบอยู่ตรงนี้ให้ดีกันเถอะครับ เพราะถ้ายังไม่มั่นใจหรือยังไม่พร้อมจริงๆแล้วออกมาทำส่วนตัวเองเลย ถ้าโชคดีก็อยู่ได้ ถ้าโชคไม่ดีก็อยู่ไม่ได้ แบบนี้ไม่ดีแน่ ไงจะทำอะไรขอให้ใจเย็น และทำงานที่เราทำอยู่ให้ดีก่อน คิดง่ายๆถ้างานที่เรายังทำอยุ่ยังรับผิดชอบไม่ได้ ออกมาทำส่วนตัวรับรองไม่รอดแน่ แต่ถ้าทำงานที่ทำอยุ่ได้ดีแล้วแต่อึดอัดและพร้อมที่จะออกมาทำเองก็ลุยได้เลยครับ
|
|
|
|
|
|
mts
|
เราเป็นคนนึงที่ช่วงนั้นเบื่อ งานออฟฟิศมาก จนถึงขั้นลาออกมาโดยที่คิดว่าน่าจะไปต่อได้ แต่เงินสำรองบอกเลยมีไม่เยอะ กะว่าเอาไปลงทุนก่อนแล้วค่อยมาต่อ ยอดเอา ...บอกเลยว่า ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยขายของ ไม่มีคนที่พอจะแนะนำคุณได้ อย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้บอกได้เลยว่ามันไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนแรกเราเชื่อมั่นในตัวเองว่า เอาวะ ยังไงไม่เสี่ยงก็ไม่รู้ แต่สุดท้าย เราก็กลับมาทำงานออฟฟิศ ในระยะเวลา 1ปีที่เราลองไป ยังกลับมาได้ถือว่าโอเค เพราะถ้านานไปกว่านี้คุณอาจจะไม่มีโอกาสทำงานออฟฟิศอีกก็ได้ ลองคิดดีๆค่ะ เพราะตอนนี้อะไรก็ดูจะไม่แน่นอน มันอยู่ที่ตัวคุณต้องประเมินเอง ให้รอบคอบ ย้ำว่าต้องรอบคอบนะคะ แล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจตามที่มันควรจะเป็นค่ะ ... เป็นกำลังใจให้  เยี่ยมมากครับ
|
|
|
|
|
|
ขอบอก
|
โลกแห่งความจริงมันต่างจากความฝันนะ เดี๋ยวนี้การทำธุรกิจมันต้องดูหลายๆอย่าง โดยเฉพาะทำเล และต้องมีเงินทุนสำรองค่าเช่าถึง 6เดือนเป็นอย่างต่ำ เพราะตอรนี้ใครๆก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้วร้อยละ 10 ที่อยู่รอด ที่เหลือเจ้งระนาบ จน เป็นหนี้ บางคนขายยา ขายบ้าน ขายทุกสิ่งเพื่อเริ่มต้นหางานใหม่ สิ่งนี้ได้จากประสบการณ์จริงของตัวเอง และเพื่อนๆที่เคยพบเจอ ถ้าคุณอยากทำจริงๆ ไม่ยาก ลองแบ่งเวลาหลังเลิกงานไปหาขายของตามตลาดนัดดูสัก 2-3 เดือนสิ คุณจะรู้ความจริงของโลก แต่ถ้าอยากออกไม่ว่ากัน แต่ต้องทำใจและครอบครัวแตกแยกหรือเพื่อนไม่คบนะ เพราะเดีั๋ยวนี้เงินคือตัวแปรสำคัญในการดำเนินชีวิตจ๊ะ
|
|
|
|
|
|
คนตัวเล็ก
|
ผมจบป.ตรี ปี 35 เคยทำงานขับรถส่งของ 1 ปี เงินเดือน 3 - 4 ฟันบาท แค่พ่ใช้ ( ที่ขับรถส่งของเพราะอยากรู้งาน นายจ้างรู้ ) พอโอกาสดีออกมาทำเอง เริ่มปี 39 เงินทุน 50,000.- ไม่พอขอยืมแม่ ( เวลาที่หายไป บวชพระ อยู่เกาะแม่ ) ทำงานมา 17 ปี มีบ้าน อาคารพานิช 3.5 ชั้น 5 คูหา มีสวนยาง 80 กว่าไร่ เงินหมุนเวียน 3 ล้าน หนี้สิน 3 ล้าน เมืย 1 ลูก 2 ชีวิตมีความสุขครับ ประสภความสำเร็จในอาชีพ
|
|
|
|
|
|
นก
|
เราก็อยากลาออก แต่งานที่เราทำอยู่มีความสุข รักมัน เจ้านายก็มีเมตตากับเราเสมือนญาติ แต่เงินเดือนไม่พอใช้อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จะบอกเจ้านายอย่างไรดี เห็นใจเค้านะคะถ้าจะขอเงินเดือนเยอะๆ SME มันก็ได้แค่นี้
|
|
|
|
|
|
some view
|
ขอพูดกว้างๆ ในมุมมองของผมนะครับ ถ้าคิดจะขายข้าวแกงจริงๆ อย่างน้อยต้องมั่นใจในฝีมือปรุงอาหารว่าดีจริงๆ และ ผ่านการยอมรับจากคนรอบตัว (ที่ตอบตามจริง) ก่อน และ อาจจะลองทดลองกับเพื่อนห่างๆ อีกระดับดู รวมทั้งขอความเห็นจากคนอื่นด้วยเพื่อพิจารณาว่าจะไปได้ไหม
เพราะถ้าทำจริงอาจจะต้องลงทุน เช่น ค่าเช่าที่ ตกแต่งร้าน ซื่้ออุปกรณ์ ต่างๆ ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายพอสมควร จึงอยากให้ค่อนข้างมั่นใจก่อนแล้วจึงตัดสินใจ
แต่ถ้าทำเลดี ฝีมือดี บวกดวงดี ก็อาจจะไปได้สวย เหมือนหมูทอดเจ๊จง หลัีงโลตัสพระราม 2 ขายมาประมาณ 10 ปี สามารถซื้อบ้านได้ 5 หลัง และ เคย ออกรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ด้วย (ที่ยกตัวอย่างนี้เพราะ อยากให้ลองไปดู เพื่อจะได้ไอเดีย หรือ มุมมองในกรณีที่ต้องการขายข้าวแกงจริงๆ)
|
|
|
|
|
|
คนเดินดิน
|
ผมไม่เคยทำงานในออฟฟิชเลย พอได้เห็นสาวออฟฟิชก็สึกรู้ว่าเขาเลิศและสูงส่งอยากได้มาเป็นแฟน ผมทำงานส่งดินครับและแต่งตัวมอมแม่มกินอาหารร้านลาบริมทาง มีรถเมคโคและรถหกล้อขนดินรวมสิบคัน ผมแอบชอบสาวออฟฟิชเขาไม่แลผมเลย ทำยังดีล่ะครับเนีย
|
|
|
|
|
|
ดาดา
|
เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ลาออกจากงานมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ข้าว ขอบอกว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆ จากอยู่แอร์ มาอยู่ร้อนๆ แรกๆ ร้องไห้ทุกวัน เพราะยังปรับตัวไม่ได้ ไหนจะต้องไปจ่ายตลาด ไหนจะต้องเก็บล้าง ทุกอย่าง ที่บอกนี่คือ แค่อยากจะบอกว่าขายอาหารเหนื่อยจริงๆนะคะ ในกรณีที่ยังไม่มีลูกจ้าง แต่พอหลังๆ จ้างลูกจ้างได้ ก็ช่วยได้เยอะ เอาใจช่วยค่ะ สำหรับคนรักในอาชีพขายอาหาร
|
|
|
|
|
|
ถุงทอง
|
เพิ่งออกจากงานมาขายอาหารตอนแรกกระเพาปลาขายดีสักพักเงียบเลยเปลี่ยนเป็นข้าวราดแกงรอลุ้นทุกวันชีวิตต้องสู้คะ
|
|
|
|
|
|
ใจ๋
|
ผมขายอาหารมา 12ปี แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ทำงานแบ็งค์มา 16 ปี ตอนทำงานก็เบื่อ อยากมีอิสระ แต่ตอนลาออกมาขายอาหารมันก็มีปัญหาให้แก้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง (ในอนาคตจะมีปัญหามาก ๆ) ต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถปรับราคาอาหารได้มากนัก ทำให้กำไรจากที่เคยได้ 50 เปอร์เซ้นต์ตอนนี้เหลือแค่ 30 กว่า ๆ คำแนะนำของผมก็คือ อยากให้ทำงานประจำไปด้วย แล้วแบ่งเวลาไปขายอาหารด้วยจะดีกว่า ถ้าอายุยังน้อยมีแรงเยอะทำงาน 2 อย่างไปด้วยกัน ถึงเวลามีเงินเก็บเยอะแล้ว ค่อยออกมาขายอาหารเต็มเวลา ถึงเวลานั้นแล้วลูกค้าประจำก็คงมีเยอะแล้ว ฝีมือก็คงดีขึ้นมากตามเวลาและยังมีไอเดียทำอาหารอย่างอื่นมาเสริมอีก
็็
|
|
|
|
|
|
เลือกเอา เลือกเอง
|
ถ้าหมดไฟจากงานประจำแล้วก็ไม่ต้องรอถึงเกษียณอายุนะครับ เอาไฟที่เหลือมาทำธุรกิจส่วนตัว ผมเห็นคนลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเยอะมากรวมถึงตัวผมเองก็เป็นคนกลุ่มนี้แหละ นั่งคิดมาหลายปีเลยตัดสินใจออก ไม่เสียเวลาทำในสิ่งที่หมดใจ แต่ข้างนอกก็มีความเสี่ยงนะครับ ก็มีทั้งรุ่งแล้วก็ร่วงครับ แต่ไม่ลองเราจะรู้ได้ไงว่าเราจะอยู่ประเภทไหน
|
|
|
|
|
|
เห็นดด้วย
|
|
|
|
|
|
|
oooooooo
|
ในความคิดเห็นเราคิดว่าทำงานให้เต็มที่และมีเงินเก็บพอสมควรก่อนจะดีกว่า การขายของเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ขอแค่มีเงินทุน แต่ถ้าคิดจะออกจากงานประจำเราต้องมีทุนสำรองไว้มากพอสมควร มีความรู้ในธุรกิจที่เราจะทำ มององค์ประกอบโดยรวมสำหรับการประกอบอาชีพไว้เยอะๆ อย่างเช่นเราต้องหาดูทำเลก่อน ทำเลพร้อมไหม ดูงบประมาณในการลงทุนด้วย และอื่นๆอีกมากมาย แต่ส่วนตัวก็อยากขายของเหมือนกัน อยากขายอาหาร เราต้องทำเป็น(ต้องทำอร่อยด้วย) ธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง
|
|
|
|
|
|
เฟื่องฟ้า
|
เราก็เพิ่งลาออกจากแบงค์มา4 เดือนละ พูดถึงอายุยังน้อย แค่ 26 แต่ด้วยใจอยากมีธุรกิจส่วนตัวเลยขอเสี่ยง มาเปิดร้านเน็ตเองดีกว่า วันนึงก็ได้นะ เพราะบ้านเราอยู่ในชุมชน ก็มีเด็ก ๆ เยอะหน่อย อีกอย่างในชนบทนะ ถึงแม้วันนึงเราจะได้ไม่เยอะ เหมือนคนในเมือง แต่เราก็มีรายจ่ายน้อยกว่า กับข้าว มื้อละ 20 บาทเอง เราว่าตอนนี้เราตัดสินใจถูกแล้ว แต่หลังจากนี้ไม่รู้ซิว่า ถ้าวันนึงธุรกิจนี้มันอิ่มตัว แล้วเราจะมีอะไรรองรับบ้างหรือยัง แต่วันนี้ ทำวันนี้ให้ดีทึ่สุด และเป็นกำลังใจให้ทุกคนคะ 
|
|
|
|
|
|
dekd
|
|
|
|
|
|
|
คิดน๊ะ!
|
ถ้าคิดจะขายข้างแกงก็ควรจะขายในราคาที่ถูกกว่าร้านอื่น ๆ แต่ก็คิดว่าไม่ยั่งยืนเหมือนทำงานออฟฟิตหรอกน๊ะจะบอกให้ เพราะต้องย้อนกลับไปดูในตอนที่วิ่งหางานว่าลำบากสักแค่ไหน และกว่าจะเข้ามาได้ต้องผ่านอะไรมาทั้งการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ ชนิดที่จะต้องต่อสู้แข่งขัน แต่พอเข้ามาทำงานนั้นกลับท้อถอย แล้วคิดหรือว่าหากตัวเองออกไปนั้นหนาจะไม่มีคนเข้ามาแทนที่นั้นได้ เมื่อมีโอกาสได้งานทำก็ควรแสดงฝีมือของตนเองนั้นเสมือนตอนที่ก่อนเข้ามานั้นจะต้องห้ำหั่นต่อสู้กับคู่แข่งขันกันมาขนาดไหน ทำงานก็ไม่ต้องออกไปตากแดด ตากฝน ทำงานในร่มก็แสนจะสุขสบาย แค่ทำงานที่มีคนรอบข้างมาทำความไม่พอใจมีผลกระทบต่อจิตใจก็จะหนีปัญหา ไม่คิดที่จะแก้ปัญหาด้วยปัญญาที่ได้ต่อสู้แข่งขันมานั้นได้ ให้คิดในทางสร้างสรรค์และคิดที่จะผลิตผลงานให้ดีๆ ในหน้าที่การงาน ทุกที่ย่อมมีคู่แข่งขัน ก็ต้องใช้ปัญญาสู้กัน มิใช่ให้หนีปัญหา ทุกวันนี้มีแต่คนตกงาน เมื่อได้งานก็พยายามที่จะเป็นคนตกงานกระนั้นหรือ คิดให้จงได้ 
|
|
|
|
|
|
เบื่อเหมือนกัน
|
ทำงานออฟฟิตมา 15 ปีแล้ว ก็เบื่อเหมือนกัน ชอบทำขนม ถ้าออกมาทำขนมขาย ปลูกผักพื้นบ้านขาย ก็ไม่รู้ว่าจะมีรายได้เท่าหรือมากกว่าเงินเดือนที่ได้ ถ้าน้อยกว่าละทำไงดี ตอนนี้ก็ทำงานไปเรื่อยๆ ถ้าออกงานมาขายของ กลัวจะไม่มีเวลาดูแลลูก ลูกก็ยังเล็ก เฮ้อ... เหนื่อยใจจัง
|
|
|
|
|
|
|
jirayut
|
ตอนนี้สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ เงินเดือน อย่างเดียว... สมมุติว่าเงินเดือนเคยได้เดือนละ 15,000 ก็เท่ากับท่านขายได้กำไรวันละ 15,000 หาร 30 = 500 บาท
ความน่าจะเป็น กำไร 500 บาทต่อวัน นี่้ถ้าขายข้าวแกงจานละ 40 บาทต้องได้กำไรจานละ 15 บาท เพราะฉนั้น วันนั้นท่านต้องขายข้าวแกงได้ทั้งหมด 34 จานถึงจะได้เงิน เท่ากับท่านนั่งตากลม เล่นเน็ตใน office ต่อวัน และขายได้อย่างต่ำวันละ 1350 บาท ในเวลาขาย 4 ชั่วโมง คือ เวลา 12.00-13.30 และ เวลา 17.00-19.30 น. เท่านั้น
ยอดขาย 1350 ต่อวัน นี่คุณต้องมีลูกค้าประจำที่ไม่น่าห่วง ประมาณ 3-6 เดือน ค่าเฉลี่ยของคนทำข้าวแกงขายช่วง 2เดือนแรก ประมาณวันละ 300 บาท และต้องลงทุนต่อวันถึงวันละเกือบ 600-700 บาท แล้ว..
สรุปนะ นั่งอยู่ office นั่งตากแอร์ เล่นเน็ต ไปเรื่อยๆดีกว่า หางานพวกราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ทำและสมัครไปเรื่อยๆจนได้ที่ทำงานดีแล้วค่อยหยุด เพราะเราได้เปรียบคือมีประสบการณ์การทำงาน ปล่อยให้เพื่อนๆออกมาหาประสบการณ์อันโหดร้ายข้างนอกเถอะแล้วค่อยไปอุดหนุนพวกเขาก็ยังไม่สาย ส่วนเราก็เป็นแค่ข้าราชการ หรือ คนทำงานรัฐวิสาหกิจ ที่ซื้อข้าวแกงก็พอ
|
|
|
|
|
|
สู้ชีวิต
|
คิดว่าออกมาขายผักเข้าตลาดไทเลย ไปนั่งเปิดท้ายขายเองในตลาดไท คิดว่าเป็นไงค่ะ
|
|
|
|
|
|
|