"ขี้หู" ก้อนเดียว ทำไม..แพงถึง 657 บาท ??? : ประสบการณ์จากคน "หูอื้อ"วันนี้ผมมีประสบการณ์มาเล่าในการไปหาหมอหู เพื่อรักษาอาการ "หูอื้อ" แล้วเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับ "ขี้หู" ได้อย่างไร? ถ้ายังงง... ก็ต้องติดตามเรื่องนี้กันต่อไปนะครับ
อาการ "หูอื้อ" นี้เพื่อนๆ อาจจะเคยเกิดตอนว่ายน้ำหรืออาบน้ำ แล้วน้ำเข้าหู และถ้าเพื่อนๆ กลั้นหายใจสัก 1-2 วินาที และกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกัน แค่นี้ อาการ "หูอื้อ" ก็จะหาย
แต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หูขวาผมอื้อ และฟังไม่ค่อยชัด ผมพยายามกลั้นหายใจก็แล้ว กลืนน้ำลายก็แล้ว ก็ไม่หาย"หูอื้อ" สักที
ผมพยายามคิดว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นจากอะไร? อาจจะเป็นเพราะ "น้ำเข้าหูตอนอาบน้ำ " หรือไม่? ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมก็เลยลองเอียงหู เพื่อให้น้ำออกมา แต่ก็ไม่มีผล และก็ไม่น่าจะใช่ที่น้ำเข้าหู หูก็ยังอื้อเหมือนเดิม
มีเพื่อนร่วม
งานบอกว่าระวังเป็น "หูดับ" คือ อาการที่จู่ๆ หูไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมเลยกลัวว่าจะเป็น "หูดับ" เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาการ "หูอื้อ" ก็ยังไม่ดีขึ้น
เมื่อวานนี้ ผมจึงได้ไปหาหมอหู ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมฯ
เมื่อผมพบคุณหมอหู คุณหมอก็สอบถามอาการว่ามีอาการเช่นไร เมื่อได้ตอบคุณหมอถึงอาการหูอื้อแล้ว คุณหมอก็ไปหยิบอุปกรณ์ มีลักษณะแหลมๆ ยาวๆ และเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ปั่นหูคนไข้
คุณหมอให้ผมเอียงหูเล็กน้อย และบอกว่าเจ็บเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มใช้อุปกรณ์ของคุณหมอ สอดใส่เข้าไปปั่นในหูสัก 10 วินาที ปรากฎว่า ได้แผ่นสีน้ำตาลเข้ม มีขนาดใหญ่ออกมา คุณหมอบอกว่า "เป็นขี้หู ที่ติดค้างอยู่ที่เยื่อแก้วหู" นี่มันเป็นขี้หูที่ใหญ่ที่สุดที่พบในชีวิตเลยครับ
คุณหมอก็ให้ผมดูขี้หูยักษ์สักพัก จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะทำงานคุณหมอ และคุณหมอก็ถามผมว่า "คอแดงหรือไม่?" คงคิดว่าผมอาจจะเป็นหวัด เลยให้ผมอ้าปาก และเอาแผ่นเหล็กแตะที่ลิ้นเพื่อดูช่องปาก คุณหมอบอกว่า "ปกติไม่เป็นอะไรค่ะ"
ระหว่างที่ถามอาการทั่วๆ ไปอยู่นั้น พลันคุณหมอก็หยิบก้อนขี้หูยักษ์ โยนทิ้งลงถังขยะ ในใจผมอยากจะบอกคุณหมอว่า "คุณหมอครับ ช่วยเปิดถังขยะและช่วยหยิบขี้หูก้อนนั้นมาให้ผม เพื่อนำมาถ่ายรูป และจะเขียนบล็อกได้ไหมครับ?" ผมเกรงใจคุณหมอมาก จึงไม่กล้าบอก
ดังนั้นรูป "ขี้หูยักษ์" (ภาพด้านล่าง) ใน entry นี้ เมื่อกลับมาบ้าน ผมจึงได้ใช้เปลือกไข่ มาจำลองแทนของจริง ให้มีขนาดเท่ากับขี้หูที่คุณหมอเอาออกมา และผมก็ยังเทียบกับขนาดของเหรียญบาทให้ดูด้วยครับ
แผ่น "ขี้หู" ที่คุณหมอเอาออกจากหูผมมีขนาดใหญ่จริงๆ เลยนะครับ แต่หลังจากเอาออกแล้ว ก็ได้ยินเป็นปกติเลยล่ะครับ
คุณหมอได้บอกว่า สาเหตุ "หูอื้อ" อาจเกิดจากการที่ผมได้ใช้สำลีทำความสะอาด ด้วยการ "ปั่นหู" ขี้หูบางส่วนก็ติดมากับสำลี แต่บางส่วนที่มีชิ้นเล็กๆ ก็ถูกดันเข้าไป วันแล้ววันเล่า นานนับปี ขี้หูที่อยู่ด้านในก็จะเกิดการจับตัว มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่คนเราไม่รู้ตัวหลอก
และเมื่อวันดีคืนดี เราอาจจะใช้สำลีปั่นหูดันก้อนขี้หูยักษ์นี้ เลื่อนดันลึกเข้าไปข้างใน และตกลงบนเยื่อแก้วหู ก็เลยทำให้เกิดอาการ "หูอื้อ" เหมือนที่ผมเป็นมา 2 สัปดาห์นั่นละครับ
จากนั้น ผมก็บอกให้คุณหมอเขียนใบรับรองแพทย์ เพื่อนำไปเบิกที่ทำงานผม รวมระยะเวลาพบคุณหมอ ไม่เกิน 15 นาที
เมื่อได้ใบรับรองแพทย์ ผมพยายามอ่านลายมือคุณหมอ อย่างที่เพื่อนๆ เห็น ผมจ้องมองอยู่สักพัก ก็ยังอ่านไม่ออก แต่ระหว่างเดาลายมือคุณหมออยู่ เคาน์เตอร์การเงินก็เรียกไปชำระเงินก่อน
เพื่อนๆ อ่านลายมือคุณหมอหู ออกไหมครับ??
เมื่อได้รับใบเสร็จรับเงิน ผมก็อ่านสิ่งที่หมอวินิจฉัย ซึ่งพิมพ์ว่า
"ขี้หูอุดตัน"
เพื่อนๆ เคยได้ยินอาการ แบบที่ผมเป็นไหมครับ? แปลกดีนะครับ ผมเลยกลับไปอ่านลายมือคุณหมอหูใหม่อีกรอบ อ๋อ..คุณหมอเขียนว่า
"ขี้หูอุดตัน หูขวา"
นี่ถ้่าผมไม่อ่านการวินิจฉัยที่พิมพ์จาก
คอมพิวเตอร์ ผมคงเดาลายมือคุณหมอไปอีกนานแน่ๆ เลยครับ
เมื่อดูตัวเลขเงินที่ผมจะต้องจ่าย ในการรักษาอาการ "หูอื้อ" ที่คุณหมอได้เอา"ขี้หูยักษ์" ออกมา ยอดเงินรวมในวันนี้เท่ากับ 657 บาท
โอ้โห ! "ขี้หูยักษ์" ของผมมีราคาแพงถึง 657 บาทเลยนะครับเนี่ย
เพื่อนๆ มีใครเคยให้คุณหมอหูเอาขี้หูออก และแพงกว่าผมบ้างครับ
ช่วยยกมือขึ้นด้วยคร้าบ ....
วันนี้ ผมได้พาเพื่อนๆ มาพบคุณหมอหู และได้นำขี้หูยักษ์ออกมา และต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล 657 บาท ซึ่งคุณหมอได้แนะนำ ในการดูแลรักษาหูว่า ถ้าจะใช้สำลีปั่นหู อย่าใช้ปั่นให้ลึกมาก เพราะอาจจะเหมือนกับกรณีของผมในวันนี้ หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้น อาจจะทำให้เยื่อแก้วหูฉีกขาดได้
คุณสาหร่ายังแนะนำอีกว่า ทางที่ดี ไม่ควรใช้สำลีปั่นหู (เรียกว่า ไม่ต้องทำอะไรเลยกับขี้หู) เพราะธรรมชาติของมนุษย์ "ขี้หู" จะหลุดออกมาเอง แต่คนส่วนมาก มักจะรำคาญที่มีขี้หู เลยใช้สำลีปั่นเอาขี้หูออกมา
เพื่อนๆ อย่าลืมดูแลรักษาหูด้วยนะครับ ถ้ามีอาการ "หูอื้อ" เหมือนผม ก็รีบไปพบหมอหูทันที เพราะอาจจะมีแค่ "ขี้หู" แค่ไปปิดเยื่อแก้วหูเหมือนผมก็ได้ แต่ถ้าอาการหนักกว่าผม คุณหมอจะได้แนะนำในการรักษาหูได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นครับ
วันนี้ "สบายหู" แล้ว ขอจบแค่นี้ และไป
ฟังเพลง "คันหู" ก่อนนะครับ
ที่มา http://www.oknation.net/blog/jarinasa/2012/08/18/entry-1