หน้า: 1 2 [ทั้งหมด]

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ขอความคิดเห็นคับ รถยุโรป vs รถญี่ปุ่น  (อ่าน 47491 ครั้ง)
Guest
กระทู้แรก
เรทกระทู้
« เมื่อ: 20 พ.ค. 12, 15:25 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

เรื่องมีอยู่ว่าผมเคยถามพ่อว่าทำไมบ้านเราไม่เคยซื้อรถยุโรปแบบบ้านเพื่อนพ่อคนอื่นในขณะที่เราเองก็มีฐานะใกล้เคียงกัน คือผมมีมุมมองว่าซื้อรถทั้งทีน่าจะซื้อ Benz E class เหมือนบ้านเพื่อนคนอื่นแล้วใช้ยาวไปเลยเกิน 10 ปีมันดูคุ้มค่ามากกว่าซื้อรถญี่ปุ่นเพราะเรื่องความปลอดภัย + สมรรถนะ + ภาพลักษณ์ รถยุโรปย่อมดีกว่ารถญี่ปุ่นเป็นธรรมดาแต่
พ่อผมกลับมองว่าวิธีซื้อรถให้คุ้มคือซื้อรถญี่ปุ่นระดับ c-segment อย่าง camry, accord, teana แบบตัวตัวทอป แล้วใช้วิ่งถึง 100,000 กิโลเมตร ซึ่งกินเวลาประมาณ 4-6 ปี ก็เปลี่ยนคันใหม่ทีนึง
พอผมเถียงพ่อกลับว่า "รถยุโรปยังไงก็ดีกว่าญี่ปุ่น" แต่พ่อผมก็ตอบกลับมาว่า "ของใหม่ยังไงก็ดีกว่าของเก่า"
ผมจึงอยากขอความคิดเห็นของหลายๆคนในเวปนี้น่ะคับว่าแนวคิดไหนถูกต้องกว่ากันในเรื่องของความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป เพราะซื้อรถคันนึง = เงินจมไปทีนึง
ขอบคุณครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
จขกท.
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 พ.ค. 12, 18:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

แก้ไขกระทู้นิดนึงคับ D-segment ไม่ใช่ C-segment

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
อืมม
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 พ.ค. 12, 23:20 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรื่องความปลอดภัย สำคัญสุด คือ ตัวเราครับ ไม่ประมาท ยังไงก็ปลอดภัยครับ!!!

เรื่องรถที่คุณพ่อของคุณบอก ให้คิดง่ายๆนะครับว่า จาก กทม ไปเชียงใหม่ ระหว่าง รถยุโรปกับญี่ปุ่น ถามว่าไปถึงเหมือนกันมั้ย
เรื่องรถใหม่ แอคคอร์ด คันละ ล้าน กว่าๆ ในสเปคเดียวกันกับรถยุโรปก็ สามล้านอัพ ถามว่า 1 คัน ยุโรป ได้สามคันญี่ปุ่น แต่ใช้งานเหมือนกัน 5 ปีผ่านไป รถญี่ปุ่น ราคาตกลงประมาณ 50% เหลือ 7 แสน รถยุโรปล่ะครับ เหลือล้านต้นๆ ในระยะแค่ 5 ปี แล้วคิดต่อ 5 ปี หายไป ล้้านกว่า กับหายไป7 แสนกว่าๆ จะเลือกอะไร แล้วคิดต่อ ถ้าเราซื้อใหม่ ก้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซื้อเอเชีย ล้านกว่าๆ ได้ออพชั่นครบ หรือจะเอาคันเก่าห้าปีแล้วมาทำใหม่!!! เป็นผม ผมเชียร์คุณพ่อของคุณครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คนจน
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 23 พ.ค. 12, 21:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไม่ทราบครับ เพราะไม่รวยซื้อรถ ขนาดนั้น

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
anan nualngam
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 23 พ.ค. 12, 23:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

MB 1 คัน E -class ราคา 3.50 ลบ.
= camry 1 คัน+fortuner 1 คัน + honda city 1 คัน
= 1.50+1.30+ 0.70 ลบ.
ถ้าบ้านเรามีคนอยู่ 3 กลุ่ม นี้ ก็ควรเลือกรถญี่ปุ่น
หากแต่คุณเป็นโสด หรืออยู่ตัวคนเดียว ควรเลือก MB เพราะคุณไม่ต้อง
ไปคอยถามความเห็นใคร

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
อติวรรธน์
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 23 พ.ค. 12, 23:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ใช้ของ ซื้อของ ต้องดูที่สาระครับ ผมเห็นและเป็นแบบเดียวกับคุณพ่อครับ ไม่ชอบทนใช้ของเก่านาน เชื่อท่านเถอะครับ รอว่ามีเงินซื้อเองเมื่อไหร่จะทราบว่าเงินมีค่าและมีสิ่งที่เป็นสาระมากว่ารถยุโรป

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
โกลิตะ
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 23 พ.ค. 12, 23:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ประเทศไทย คนไทยถือว่าค่อนข้างเสียเปรียบมากกับรถยุโรปครับ รถยุโรปเป็นรถที่ดีครับ แต่รถญี่ปุึ่นก็ไม่แย่แม้แต่นิดเดียวย หลายเรื่องที่รถยุโรปทำได้ดีกว่าเช่นความแข็งแรงของตัวถัง ภาพลักษณ์ การทรงตัว-เกาะถนน แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นรองมากมาย เช่น ความกระฉังกระเฉง ความทนทาน ซ่อมบำรุงยาก เปลืองน้ำมัน ก็ว่ากันไปล่ะครับ

ในประเทศยุโรปเองราคารถญี่ปุ่นกับยุโรปไม่ต่างกันมากเหมือนบ้านเราครับ สมมติว่าฮอนด้า CR-V คันละ1ล้านบาท BMW X3 จะราคาประมาณ1.25ล้าน ผมรู้สึกว่าราคานี้ยุติธรรมดีครับ

แต่ในประเทศไทย การตั้งราคาของรถยุโรปต่างจากรถญี่ปุ่นมาก ครอบครัวผมได้ใช้รถจากทั้งสองทวีป มีโอกาสเห็นข้อดีข้อเสียชัดเจนมาก

หากจะกล่าวถึงสมรรถนะรถยุโรปได้ 100 คะแนนญี่ปุ่นน่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน (ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเกรดAทั้งคู่นะครับ)

แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าต่อเม็ดเงินที่เสียไป(ราคาประเทศไทย) รถญี่ปุ่นได้ 100 คะแนน รถยุโรปน่าจะได้อยู่ราวๆ 60 - 70 คะแนน เต็มที่ก็ได้แค่ C ถึง B ล่ะครับ สำหรับเรื่องความคุ้มค่า

แต่เรื่องศักดิ์ศรีหรือภาพลักษณ์นั้นมันตีค่าลำบากนะครับ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ซึ่งตัวผมเองไม่ใคร่จะสนใจมันสักเท่าไร แต่ถ้าด้านความคุ้มค่าแล้วล่ะก็..ผมว่าคุณพ่อคุณท่านน่าจะพูดได้ถูกต้องอยู่นะครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
dfdf
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 23 พ.ค. 12, 23:28 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อย่าว่าแต่ แคมรี่ เทียนา เลย ซิีตี้ วีออส ผมยังไม่มีปัญญาซื้ออะ 55 เกิดมาจน ลำบาก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ชายกลาง
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 00:05 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมว่าพ่อคุณคิดถูกแล้วครับ

เพราะสมัยนี้ เทคโนโลยีก้าวกระโดดจนแทบจะเหาะ

เดี๋ยวเดียวก็มีรถรุ่นใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ระบบใหม่ อะไรเยอะแยะไปหมด

ถ้าใช้รถไป 5 ปีแล้วซื้อใหม่ อาจได้เทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยมากกว่าของรถยุโรปก็เป็นได้


ถ้ารอ 10 ปีค่อยเปลี่ยน ผมว่าป่านนั้นคงมีรถที่เหาะได้เลยกระมั้ง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
daghost
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 00:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เมื่อก่อนพ่อผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน และเจาะจงว่าต้องเป็น Toyota เท่าันั้น แต่เขาไม่ซื้อพวก Camry หรือ Corolla แต่เล่นเป็นพวกรถ Crown ซึ่งสมัยก่อนก็น่าจะเทียบเท่ากับพวก Lexus สมัยนี้ มี 2 เหตุการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนความคิดและตัดสินใจใช้แต่รถยุโรปแต่นั้นเป็นต้นมา

1. ไปทานข้าวตามภัตตคารใหญ่ๆหรือโรงแรม 5 ดาว เอา Crown ไปนี่ไปวนหาที่จอดเองเด็กรับรถไม่เคยหันมามองหรือดูแล แต่อีกวันเอา Benz ไปเด็กรับรถวิ่งมารับกุญแจไปจอดให้เป็นอย่างดี

2. บ้านเราอยู่กรุงเทพและนครราชสีมา และมีกิจการสาขาทางภาคอีสานอีกหลายจังหวัด พ่อขับรถขึ้นลงรถหว่างกรุงเทพ-นครราชสีมาและตามสาขาบ่อยๆ อย่างที่ทราบต่างจังหวัดขับรถกันไม่ค่อยระวังความปลอดภัย มอเตอร์ไซส์อยากจะตัดข้ามจากซ้ายมากลางถนน หรือกลางถนนไปซ้ายสุดตอนกลับรถก็ทำกันโดยไม่สนใจว่ารถทางตรงวิ่งมาเร็วแค่ไหน มีอยู่ครั้งหนึ่ง Crown วิ่งมาประมาน 100-120 เจอตัดหน้าผลคือลงไปอยู่คูข้างถนนแต่โชคดีว่าพ่อไม่เป็นอะไรแต่รถหมดสภาพขายซาก หลังจากนั้นพ่อเอาเบนซ์ออกใช้แทน เจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน แต่ด้วยความที่เครื่องรถยุโรปเมื่อก่อนแรงกว่าญี่ปุ่นพอสมควร เหยีัยบมา 140-160 เจอตัดหน้าหักหลบซ้ายแล้วเข้าขวา ทรงตัวต่อวิ่งต่อได้เป็นปกติ

หลังจากนั้นถ้าที่บ้านหรือลูกๆซื้อรถไว้ใช้และต้องเป็นคันที่วิ่งทางไกลก็จะเน้นรถยุโรป แต่ถ้าในกทมหรือนครราชสีมา ก็จะไปทาง Toyota เพื่อความคล่องตัวไม่ต้องกลัวเฉี่ยวชนมากและบำรุงรักษาไม่แพง

เพราะพ่อบอกว่าหาเงินมาทั้งชีวิตจนมีปัญญาซื้อรถยุโรปใช้ช่วยเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ดีกว่่างกประหยัดในเรื่องไม่เข้าเรื่องแล้วอั๊วไม่ได้อยู่ใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบาก เงินต่างกัน 1-2 ล้านยังไม่ตายหาใหม่ได้ ถ้าตายไปแล้วไม่เพียงแต่หาไม่ได้ยังต้องเอาส่วนต่าง 1-2 ล้านที่ประหยัดรถญี่ปุ่นกับรถยุโรปมาัจัดงานศพอีก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
woody007
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 08:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมสนับสนุนความคิดของพ่อคุณนะ เพราะพี่ชายผมก็เคยบอกแบบนี้เหมือนกันสภาพการใช้งานของรถยนต์ประมาณ 5 ปีอะไหล่บางอย่างเริ่มเสื่อมสภาพที่จะต้องเสียเงินซ่อมบำรุง คับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
A better man
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 09:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เฮ้อ แต่ละคน รวยๆทั้งนั้น q*071 ผมขับ city car ยังไม่ไหวจะผ่อน ทำยังไงถึงหาเงินได้เยอะๆสอนผมมั้งสิ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คุยด้วยคน
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 09:31 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คุณพูดถูกว่า รถยุโรปดีกว่ารถญี่ปุ่น
พ่อคุณก็ถูก ที่ว่าของใหม่ดีกว่าของเก่า
ผมว่าถูกทั้งคู่

ถ้าป้ายแดง ต่อป้ายแดง ญี่ปุ่นเป็นรองจริง
แต่ถ้าญี่ปุ่นป้ายแดงVSยุโรปมือสอง ชักไม่แน่เหมือนกัน
ขึ้นอยู่กับสภาพและการบำรุงรักษาเป็นสำคัญ

ถ้าจะเอาเท่ห์ญี่ปุ่นเสียเปรียบ
ถ้าเรื่องความคุ้มค่า ถ้าเรื่องความคุ้มค่า ถ้าเรื่องความคุ้มค่า
ญีุ่่ปุ่นชนะขาดลอย (แบบ โคตร โคตร)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
BomBay
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 09:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมว่าเรื่องความปลอดภัย รถยุโรปทำได้ดีกว่ามากครับ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา น้องชายผมขับBMW E36ไปชนกับวีโก้ รถน้องผมทำสีแค่กันชนหลังนิดหน่อย ส่วนวีโก้เกือบหมื่น ตัวผมเองขับBMW E30 ซึ่งอายุกว่า25ปีแล้วครับ ช่วงล่างยังนุ่มพอๆกับวีออส หรือซิตี้เลย
แต่ถ้าหากมองในมุมของการบำรุงรักษา รถญี่ปุ่นอะไหล่เยอะมากและราคาไม่ค่อยแพงครับ
ส่วนคนอื่นจะมีความเห็นยังไงผมก็มิได้ขัดแย้งนะครับ มันแล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละบุคคล

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ืnikjame
เรทกระทู้
« ตอบ #14 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 11:08 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถใหม่มันดีกว่ารถเก่าอยู่แล้วล่ะครับ
ยกเว้นพวกที่มีความคิดแบบเด็กๆวัยรุ่นซิ่งรถล่ะครับ ซื้อของเก่ามาทำ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
4k
เรทกระทู้
« ตอบ #15 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 11:11 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในฐานะที่ ผมก็มีอายุ น่าจะใกล้เคียง กับคุณพ่อคุร

ใจนึง ก็อยากจะใช้รถยุโรป

แต่ ใจนึง ก็เบื่อกับการขับรถเก่าๆ ที่อายุเกินกว่า 5 ปี ขึ้นไป

รถยุโรป เขามีมาตรฐานในการซ่อมบำรุง ที่ต้องยอมรับว่าจุกขิก ใช้จ่ายมากกว่ารถญี่ปุ่น อยู่โข

ผมใช้รถญี่ปุ่น คันละ 1.6 ล้าน
เข้าศูนย์ปกติ จ่ายแค่ 2-3 พันบาท หากมีอะไหล่ สำคัญ ที่ต้องเปลี่ยน ก็แค่ หมื่นบาท

แต่รถยุโรป รับรองว่าต้องจ่ายแพงกว่า 2-3 เท่าขึ้นไป

แถม พอมันตกรุ่้น เราก็รู้สึกอยากได้ของใหม่อยู่ดี

รุถทุกคัน จะดูดี มีศักดิ์ศรี เมื่อมันยังเป็นรุ่นในกระแส

แต่จะปลอดภัยแค่ไหน ดีอย่าสงไร ก็ดู พอร์ซ กับ ฟอร์จูนเนอร์ บนโทลเวย์นั่นประไร

กระจายไม่เป็นทราก เหมือนกันทั้งคู่

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
fff จัง
เรทกระทู้
« ตอบ #16 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 11:13 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*029 คุณก็เลือกเหอะชีวิตกับเงิน ถ้าเลือกประหยัดเงินชีวิต ก็เลือกรถญี่ปุ่นไป แต่ถ้าเลือกชีวิต มีเงินจริงๆค่อยซื้อรถ ช้าหน่อย แต่ปลอดภัย ก็เลือกรถยุโรป บนท้องถนนอย่ามาพูดว่าถ้าไม่ประมาท ก็ไม่เกิดอุบัติเหตุ คำพวกนี้เป็นแค่คำปลอบใจครับ ชีวิตจริง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ถึงเราจะระวังแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายนึงไม่ระวังก็เกิดได้ครับ ไม่อย่างนั้นเค้าจะนิยามคำว่าอุบัติเหตุขึ้นมาเพื่ออะไร รถญี่ปุ่นถูกจริง ประหยัดเงิน อะไหล่เยอะ แต่เวลาชนกันทีน้อยคนครับที่จะรอดชีวิตและกรุณาอย่าพูดครับว่าจะเป็นยังไงช่างมัน เพราะเวลาพิการมาใครละครับเสียหาย ตัวคุณเอง ครอบครัว แล้วก็สังคม มีแต่รั้งกับรั้งครับ แต่รถยุโรประบบเค้าทำดีครับ พอเราไม่เหยียบคันเร่งรอบรถก็จะปรับอัตโนมัติ ไม่ร่อน ลดความเสี่ยง ลดอันตราย ตัวถังก็แข็งแรง คิดดูเองนะครับ รถภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็น คุณก็ดูเอาเองก็แล้วกันว่าราคารถยนต์ป้ายแดงของคุณหารครึ่งเหลือเท่าไร ยังไม่นับกำไร ที่เค้าบวกกันแล้วนะครับ แล้วคุณคิดเหรอครับว่าเค้าจะลงทุนตัวถังรถยนต์ให้มีความคงทน คุณเรื่องระบบก็พัฒนากันยังไงก็ได้ รถยุโรปอย่างเปอร์โย เมื่อ 10 ปีที่แล้วเค้ามีAutomatic Windscreen Wiper แต่ รถญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มนำมาใช้ในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว เห้อๆๆๆ แล้วจะบอกว่าระบบการใช้งานอันไหนล้าหลังกว่ากันครับ ดารามีตัง ทหารมียศ ตำรวจตำแหน่งโต นักการเมืองรุ่นใหญ่ แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นเองเค้ายังขับรถยุโรปกันเลยครับ ....เห้อๆๆๆ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #17 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 11:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าครอบครัวคุณรวย มีเงินเยอะ คุณพ่อคุณก็คิดถูกแล้ว
ฝรั่งที่รวยๆ เขาก็ใช้รถแค่ 3-4 ปี แล้วก็เปลี่ยนคันใหม่
เพราะคันใหม่ยังไงก็ดีกว่าคันเก่า มันอาจสิ้นเปลืองบ้าง
แต่ขนหน้าแข้งคุณพ่อคุณคงไม่ร่วงหรอกมั้ง รวยขนาดนั้นแล้ว

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คนใช้รถ
เรทกระทู้
« ตอบ #18 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 12:00 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เมื่อก่อนพ่อผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน และเจาะจงว่าต้องเป็น Toyota เท่าันั้น แต่เขาไม่ซื้อพวก Camry หรือ Corolla แต่เล่นเป็นพวกรถ Crown ซึ่งสมัยก่อนก็น่าจะเทียบเท่ากับพวก Lexus สมัยนี้ มี 2 เหตุการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนความคิดและตัดสินใจใช้แต่รถยุโรปแต่นั้นเป็นต้นมา

1. ไปทานข้าวตามภัตตคารใหญ่ๆหรือโรงแรม 5 ดาว เอา Crown ไปนี่ไปวนหาที่จอดเองเด็กรับรถไม่เคยหันมามองหรือดูแล แต่อีกวันเอา Benz ไปเด็กรับรถวิ่งมารับกุญแจไปจอดให้เป็นอย่างดี

2. บ้านเราอยู่กรุงเทพและนครราชสีมา และมีกิจการสาขาทางภาคอีสานอีกหลายจังหวัด พ่อขับรถขึ้นลงรถหว่างกรุงเทพ-นครราชสีมาและตามสาขาบ่อยๆ อย่างที่ทราบต่างจังหวัดขับรถกันไม่ค่อยระวังความปลอดภัย มอเตอร์ไซส์อยากจะตัดข้ามจากซ้ายมากลางถนน หรือกลางถนนไปซ้ายสุดตอนกลับรถก็ทำกันโดยไม่สนใจว่ารถทางตรงวิ่งมาเร็วแค่ไหน มีอยู่ครั้งหนึ่ง Crown วิ่งมาประมาน 100-120 เจอตัดหน้าผลคือลงไปอยู่คูข้างถนนแต่โชคดีว่าพ่อไม่เป็นอะไรแต่รถหมดสภาพขายซาก หลังจากนั้นพ่อเอาเบนซ์ออกใช้แทน เจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน แต่ด้วยความที่เครื่องรถยุโรปเมื่อก่อนแรงกว่าญี่ปุ่นพอสมควร เหยีัยบมา 140-160 เจอตัดหน้าหักหลบซ้ายแล้วเข้าขวา ทรงตัวต่อวิ่งต่อได้เป็นปกติ

หลังจากนั้นถ้าที่บ้านหรือลูกๆซื้อรถไว้ใช้และต้องเป็นคันที่วิ่งทางไกลก็จะเน้นรถยุโรป แต่ถ้าในกทมหรือนครราชสีมา ก็จะไปทาง Toyota เพื่อความคล่องตัวไม่ต้องกลัวเฉี่ยวชนมากและบำรุงรักษาไม่แพง

เพราะพ่อบอกว่าหาเงินมาทั้งชีวิตจนมีปัญญาซื้อรถยุโรปใช้ช่วยเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ดีกว่่างกประหยัดในเรื่องไม่เข้าเรื่องแล้วอั๊วไม่ได้อยู่ใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบาก เงินต่างกัน 1-2 ล้านยังไม่ตายหาใหม่ได้ ถ้าตายไปแล้วไม่เพียงแต่หาไม่ได้ยังต้องเอาส่วนต่าง 1-2 ล้านที่ประหยัดรถญี่ปุ่นกับรถยุโรปมาัจัดงานศพอีก
ผมสนับสนุนความเห็นนี้ 120% ครับ มีตังก์ไม่ได้ใช้ กับได้อยู่ใช้ตังก์ ก็ต้องเลือกเอาล่ะครับ เพียงแต่เราเลือกใช้รถตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ครับ ในเมืองขับไม่เร็ว รถติด ถนนแคบ ก็ใช้รถเล็กๆ ไปต่างจังหวัดขับเร็ว ถนนบางช่วงไม่ดี มีสิ่งกีดขวางบนถนนบ่อยๆ ก็ควรใช้รถที่มีระบบเบรค กับระบบทรงตัวที่ดี แล้วจะได้อยู่ใช้ชีวิตนานขึ้นครับ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #19 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 12:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ขอโทษนะครับ .....ระดับ D-Segment รถญี่ปุ่นไม่ได้แย่กว่า รถยุโรป นะครับ อย่าเข้าใจผิด.....

หากถอยหลังไป 20 ปี ที่แล้ว ...บอกรถยุโรปดีกว่า รถญี่ปุ่น อันนั้นผมไม่เถียง !!

..... ตอนนี้ โลกมันไปไกล ครับ .....ผมบอกอะไรให้ เกียร์ออโต้ยุคใหม่ ของ MB ใช้เกียร์ที่ออกแบบ และผลิต จากค่ายรถค่าหนึ่ง ที่เป็นเลิศ ทาง ระบบ Transmittal ซึ่งผมไม่บอก ว่าเป็นเจ้าไหน? ....แผมให้ด้วย ว่า เป็นเจ้าแรกของโลก ที่ออกแบบ เกียร์ CVT .....แต่กลับเอามาใช้กับรถตัวเอง เป็นเจ้าสุดท้าย !!

ระบบ ประจุอากาศ หรือ เพิ่มกำลังงานให้เครื่องขนาดเล็ก ของ MB ใช้เจ้าที่ทำเกียร์นี่แหล่ะ ทำให้ ...ซึ่งเป็น พันธมิตร กับค่ายนึง ที่ เครื่อง 3.2 แรงไม่สู้ เครื่อง 2.5 ของตัวเอง แต่ถูกจูนใหม่ ด้วยเจ้าที่ว่า .....

หากชอบเปลี่ยนรถ .....และมีสตางค์ถึง พ่อคุณคิดถูกครับ !!

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ชัยณรงค์
เรทกระทู้
« ตอบ #20 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 13:58 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรื่องความคงทน และการทรงตัว ผมใช้แคมรี่รุ่นนำเข้าจาก ออส เมื่อ 14 ปีที่แล้ว วิ่ง 150 โดนวีโก้ชนข้าง รถไม่มีสบัด ไม่ขูดขีดกับที่กั้นข้างทาง(ห่างสัก 5 เซ็นได้ตอนนั้น) แล้วนำรถกับมาจอดด้านข้างซ้ายได้ บันใดยุบประตูเปิดไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรอย่างอื่น ขับต่อเข้า กทม 150 สบายๆ ส่วนวีโก้ ลงคลองทะลุป่า ทั้งๆที่ครอบกันชน(ที่เป็นพลาสติก ดูใหญ่ๆนั่นแหละครับ) หลุดนิดเดียว

เรื่องระบบอะไรต่างๆผมว่า มันใกล้เคียงกันมากแล้วครับ ยุคก่อนอาจจะอย่างหลายคนว่า รถยุโรป ดีกว่าญี่ปุ่น แต่ เดี่ยวนี้ผมว่าไม่ค่อยจะต่างแล้วนะ อีกอย่าง รถยุโรปหลายๆยี่ห้อ เดี๋ยวนี้ก็ใช้เทคโนโลยีญี่ปุ่นเหมือนกันครับ

แต่ว่า เรื่องนี้เป็นความชอบส่วนตัวกันมากกว่าครับ แล้วแต่จะเลือก แต่ผมว่า อย่างพ่อคุณว่าก็ดี รถใหม่ ดีกว่ารถเก่า อันนี้แน่นอนเลยครับ ส่วนจะรถยุโรป รถญี่ปุ่น ก็แล้วแต่ใจและเงินในกระเป๋าครับ

ปล. พี่งเอา แคมรี่คันนี้ไป ลุยเขาเมืองเหนือมา ยิ่งชอบใหญ่เรยครับ ลงเขา 120 ไม่มีหลุดโค้ง นิ่ง เหนียว (แต่สำหรับรุ่นใหม่ที่ผลิดในเมืองไทย ไม่รับประกันนะครับ 555)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คนรักรถยุโรป
เรทกระทู้
« ตอบ #21 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 16:11 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถยุโรปดีที่สุดค่ะ ดิฉันขับโพลค์สวาเกน ใช้มา16 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย ตอนนี้ก้อใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนที่ซื้อคิดไม่ผิดที่ฝากชีวิตไว้กับรถยุโรปคันนี้ เวลาโดนคันอื่นชนรถเราเป็นอะไรไม่มากแทบไม่มีร่องรอยเลย แต่รถญี่ปุ่นเละ เวลาเราวิ่ง140 -150 รถก้อไม่ร่อน ยังวิ่งนิ่งปกติแทบไม่รู้สึกเลย เอาแจ๊สของแฟนมาขับวิ่งแค่100 ก้อร่อนแล้วค่ะ ถ้ามีเงินนะคะซื้อรถยุโรปดีกว่าค่ะ เหล็กเค้าแข็งแรงมาก ช่วงล่างสุดยอด ใช้งานอีกยาวนาน พี่ชายเราเป็นวิศวกรที่ระยองทำงานอยู่ปิโตรกลางทะเลที่ระยอง เงินเดือนเป็นแสนบอกให้ซื้อวอลโว่ลก้อไม่เชื่อ ไปซื้อโตโยต้าใช้ ตอนตีหนึ่งขับรถไประยองเจอรถบรรทุกขนเหล็กเส้นจอดเสียอยุ่ที่บ้านฉาง ไม่มีไฟติดให้เห็นว่ารถเสียพี่ชายเราไม่เห็นวิ่งเสียบท้ายรถเหล็กเส้นเปิดหลังคารถเสียบหน้าพี่ชายหายไปเป็นแถบ เสียชีวิตทันที ลองอ่านเป็นอุทาหรณ์นะคะ ตอนเรามีชีวิตอยู่ถ้ามีเงินมีกำลังซื้อสิ่งดีดีให้กับตัวเราเองและครอบครัวเถอะค่ะ เพราะถ้าเราตายไปก้อเอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ที่ดิฉันเลือกรถยุโรปก้อเพราะดิฉันใช้ชีวิตอยุ่ในรถเป็นส่วนใหญ่ และก้อยังมีชีิวตน้อยๆของไอจอมซนอีกหนึ่งชีวิต ถ้าดิฉันมีเงินอีกก้อจะซื้อ BMW ตอนนี้เก็บเงินอยู่

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
m&m
เรทกระทู้
« ตอบ #22 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 17:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไม่มีผิดไม่มีถูกหรอกครับ มันอยู่ที่ตรรกะในความคิดของแต่ละคน

อย่างเหรียญ 5 บาท กับ 10 บาท มันก็เป็นโลหะ เหมือนกันแต่ตรรกะในชีวิตเรามันทำให้มองค่าต่างกัน

รถญี่ปุ่น หรือ รถยุโรป สุดท้ายมันก็คือเศษเหล็กเหมือนกัน

เลือกอย่างที่ใช่ ได้อย่างที่ชอบ พอแล้วครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #23 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 17:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถจะดีจะปลอดภัยหรือเปล่าอยู่ที่คุณเลือก บางค่ายทำรุ่นนึงออกมาดี แต่ทำอีกรุ่นออกมาไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกรุ่นไหนของค่ายไหน และขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและตรวจสภาพรถเป็นประจำหรือเปล่า เคยมีคนพูดเอาไว้ว่า ถ้าเราดูแลรถของเราดี รถเค้าก็ดูแลเราดีเหมือนกัน แต่ประเด่นสำคัญอยู่ที่คนขับเราเป็นคนควบคุมเครื่องจักร เราต้องคุมรถเราให้ดีมองสภาพรถเราให้ออก ว่าเค้าทำได้แค่ไหน และมองสภาพแวดล้อมระหว่างที่เราขับให้แน่นอนมองให้ขาด เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นให้มีสติใจเย็นๆอ่านเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไป มองให้ออกครับแล้วตัดสินใจให้ไวว่าจะเอายังไงต่อไป ถ้าทำใด้คุณก็ปลอดภัยเกิน 90 เปอร์เซนแล้วครับ รถคุณอาจจะพังบ้างแต่คุณปลอดภัยแน่นอนครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ข้อมูล
เรทกระทู้
« ตอบ #24 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 20:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เคยใช้มาทั้งสองค่าย รถยุโรป สมรรถนะ ดี เกาะเท่ากัน จะนุ่มกว่า แต่จุกจิก และค่าซ่อมแพงมาก เคยมีปีหนึ่งรวมค่าซ่อมแล้ว ดาวน์รถญี่ปุ่นได้เลย คิดแล้วเสียดายตัง ตอนนี้ ใช้ แอคคอร์ด ประหยัดดีครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
borow
เรทกระทู้
« ตอบ #25 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 21:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไปเปรียบเทียบ กับ รถตลาด ลองเปรียบ รถญี่ปุน เช่น GTR-35 กับ benz slx 200 ไม่แตกแต่งกันเลย..GTR-35 แรงกว่า เข้าโค้งนิ่มกว่า

camry city เป็นรถตลาด สำหรับคนมีฐานะปานกลาง.. ในขณะที่ BMW benz เขาเจาะตลาดสำหรับคนรวย คนมีฐานะ (เช่น benley มาเซราติ งี้ ทำไมไม่มีคนซื้อมาขับเล่น เพราะมันแพง)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ผมเป็นช่างซ่อมรถ
เรทกระทู้
« ตอบ #26 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 00:33 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรทกระทู้
ขอความคิดเห็นคับ รถยุโรป vs รถญี่ปุ่น
ตอบ #21 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 16:11 น


รถยุโรปดีที่สุดค่ะ ดิฉันขับโพลค์สวาเกน ใช้มา16 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย ตอนนี้ก้อใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนที่ซื้อคิดไม่ผิดที่ฝากชีวิตไว้กับรถยุโรปคันนี้ เวลาโดนคันอื่นชนรถเราเป็นอะไรไม่มากแทบไม่มีร่องรอยเลย แต่รถญี่ปุ่นเละ เวลาเราวิ่ง140 -150 รถก้อไม่ร่อน ยังวิ่งนิ่งปกติแทบไม่รู้สึกเลย เอาแจ๊สของแฟนมาขับวิ่งแค่100 ก้อร่อนแล้วค่ะ ถ้ามีเงินนะคะซื้อรถยุโรปดีกว่าค่ะ เหล็กเค้าแข็งแรงมาก ช่วงล่างสุดยอด ใช้งานอีกยาวนาน พี่ชายเราเป็นวิศวกรที่ระยองทำงานอยู่ปิโตรกลางทะเลที่ระยอง เงินเดือนเป็นแสนบอกให้ซื้อวอลโว่ลก้อไม่เชื่อ ไปซื้อโตโยต้าใช้ ตอนตีหนึ่งขับรถไประยองเจอรถบรรทุกขนเหล็กเส้นจอดเสียอยุ่ที่บ้านฉาง ไม่มีไฟติดให้เห็นว่ารถเสียพี่ชายเราไม่เห็นวิ่งเสียบท้ายรถเหล็กเส้นเปิดหลังคารถเสียบหน้าพี่ชายหายไปเป็นแถบ เสียชีวิตทันที ลองอ่านเป็นอุทาหรณ์นะคะ ตอนเรามีชีวิตอยู่ถ้ามีเงินมีกำลังซื้อสิ่งดีดีให้กับตัวเราเองและครอบครัวเถอะค่ะ เพราะถ้าเราตายไปก้อเอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ที่ดิฉันเลือกรถยุโรปก้อเพราะดิฉันใช้ชีวิตอยุ่ในรถเป็นส่วนใหญ่ และก้อยังมีชีิวตน้อยๆของไอจอมซนอีกหนึ่งชีวิต ถ้าดิฉันมีเงินอีกก้อจะซื้อ BMW ตอนนี้เก็บเงินอยู่


อยากให้เจ้าของกระทู้ที่มั่นใจในรถยุโรปมากๆ เอา โฟล์ค กับบีเอ็ม ไปวิ่งชนตูดรถสิบล้อขนเหล็กเส้นดูครับ ถ้าไม่ตายผมจะไปซื้อมาใช้มั่ง(เทียบได้สากบือจริงๆ)
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Nip
เรทกระทู้
« ตอบ #27 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 09:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผู้ที่เลือกความคุ้มค่าก็มีมุมมองในอีกรูปแบบหนึ่ง
ผู้ที่เลือกศักดิ์ศรีและชนชั้นก็มีมุมมองอีกแบบหนึ่ง
เหล่านี้นำมาเทียบกันไม่ได้

...อยู่ที่ว่าคุณเป็นคนชอบศักดิ์ศรีแห่งชนชั้น หรือ ความคุ้มค่า...

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คิดให้ดี
เรทกระทู้
« ตอบ #28 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 09:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เศรษฐกิจพอเพียงครับ เดี๋ยวนี้ความปลอดภัย และคุณภาพ รถญี่ปุ่น ก็ไม่ด้อยกว่ารถยุโรปครับ มีเงินเหลือ ซ่อมก็ถูกกว่ากันมาก ศูนย์บริการก็มากสะดวกในการใช้บริการ เว้นแต่ว่ามองในแง่วัตถุนิยมความมีหน้ามีตา สนับสนุน คุณพ่อครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เคยมาแล้ว
เรทกระทู้
« ตอบ #29 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 10:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในฐานะที่เคยใช้มาแล้ว เคยคิดอย่างคุณตอนเป็นหนุ่มๆ อยากใช้เบนซ์
เพื่อให้ดูดี ใช้มา10ปี ซ่อมเยอะมาก จุกจิก พอนานๆเอาไปใหนไกลๆก็ไม่
อยากเอาไปกลัวไปเสียกลางทางแล้วหาที่ซ่อมยาก
เลยเปลี่ยมาเป็นแบบคุณพ่อคุณใช้รถญี่ปุ่นระดับดีหน่อย ใช้สัก5ปี ก็ขายทิ้ง
ไปซื้อใหม่ สบายใจกว่าเยอะ
ส่วนพวกที่ว่ารถยุโรปดีกว่านั้น ถ้าคุณมีปัญญาเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆทุก 5 ปี
ก็ใช้ไปเถิดครับ ถ้าไม่มีปัญญาเปลี่ยน ก็ใช้ญี่ปุ่นดีกว่า พวกที่เอารถอายุ
16ปีมาเทียบแล้วบอกว่าปลอดภัยน่ะ ค่าซ่อมเท่าไรแล้วครับ แล้วมันคุ้มใหม ถ้าขับรถไปแล้วเสียกลางทางในกรณีที่ขับไกลๆ ขับอยู่แต่ในกรุงเทพ
มันหาช่างได้ตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องออกต่างจังหวัด รถเก่ามันเสียง่าย
เพราะมันหมดอายุของมันแล้ว จะหาช่างที่ใหนมาทำกันครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ผมก็เห็นด้วยครับ
เรทกระทู้
« ตอบ #30 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 10:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 




เรทกระทู้
ขอความคิดเห็นคับ รถยุโรป vs รถญี่ปุ่น
ตอบ #21 เมื่อ: 24 พ.ค. 12, 16:11 น


รถยุโรปดีที่สุดค่ะ ดิฉันขับโพลค์สวาเกน ใช้มา16 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย ตอนนี้ก้อใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนที่ซื้อคิดไม่ผิดที่ฝากชีวิตไว้กับรถยุโรปคันนี้ เวลาโดนคันอื่นชนรถเราเป็นอะไรไม่มากแทบไม่มีร่องรอยเลย แต่รถญี่ปุ่นเละ เวลาเราวิ่ง140 -150 รถก้อไม่ร่อน ยังวิ่งนิ่งปกติแทบไม่รู้สึกเลย เอาแจ๊สของแฟนมาขับวิ่งแค่100 ก้อร่อนแล้วค่ะ ถ้ามีเงินนะคะซื้อรถยุโรปดีกว่าค่ะ เหล็กเค้าแข็งแรงมาก ช่วงล่างสุดยอด ใช้งานอีกยาวนาน พี่ชายเราเป็นวิศวกรที่ระยองทำงานอยู่ปิโตรกลางทะเลที่ระยอง เงินเดือนเป็นแสนบอกให้ซื้อวอลโว่ลก้อไม่เชื่อ ไปซื้อโตโยต้าใช้ ตอนตีหนึ่งขับรถไประยองเจอรถบรรทุกขนเหล็กเส้นจอดเสียอยุ่ที่บ้านฉาง ไม่มีไฟติดให้เห็นว่ารถเสียพี่ชายเราไม่เห็นวิ่งเสียบท้ายรถเหล็กเส้นเปิดหลังคารถเสียบหน้าพี่ชายหายไปเป็นแถบ เสียชีวิตทันที ลองอ่านเป็นอุทาหรณ์นะคะ ตอนเรามีชีวิตอยู่ถ้ามีเงินมีกำลังซื้อสิ่งดีดีให้กับตัวเราเองและครอบครัวเถอะค่ะ เพราะถ้าเราตายไปก้อเอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ที่ดิฉันเลือกรถยุโรปก้อเพราะดิฉันใช้ชีวิตอยุ่ในรถเป็นส่วนใหญ่ และก้อยังมีชีิวตน้อยๆของไอจอมซนอีกหนึ่งชีวิต ถ้าดิฉันมีเงินอีกก้อจะซื้อ BMW ตอนนี้เก็บเงินอยู่


อยากให้เจ้าของกระทู้ที่มั่นใจในรถยุโรปมากๆ เอา โฟล์ค กับบีเอ็ม ไปวิ่งชนตูดรถสิบล้อขนเหล็กเส้นดูครับ ถ้าไม่ตายผมจะไปซื้อมาใช้มั่ง(เทียบได้สากบือจริงๆ)
------------------------------------------------------

ผมว่าคุณอคติส่วนตัวกับรถญี่ปุ่นมากกว่า... พอร์ช คันละ 20 ล้านเสยฟอจูนเนอร์ยังดับทั้งคู่ .... >> อยากให้เจ้าของกระทู้ที่มั่นใจในรถยุโรปมากๆ เอา โฟล์ค กับบีเอ็ม ไปวิ่งชนตูดรถสิบล้อขนเหล็กเส้นดูครับ ถ้าไม่ตายผมจะไปซื้อมาใช้มั่ง(เทียบได้สากบือจริงๆ)

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นายควาย
เรทกระทู้
« ตอบ #31 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 10:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*077
ถ้าเราเป็นฅนที่มีกะตังมาก เราใช้รถยุโรปอย่างเดียว ถ้ามีกะตังน้อยๆๆ ก็ใช้รถยุโรปอย่างเดียว เช๋นกัน
พูดถึงรถยุโรปก่อนน๊ะ สมัถณะหรือประสิทธิภาพคุณภาพแน่นอน แต่ราคาแพงรถใหม่ๆๆ แต่เวลาขายราคาตกลงครึ่งหนึ่งของรถยี่ปุ่ง ของในปีเดียวกัน อะไหล่ก็จะมีร้านขายน้อยกว่า
ส่วนรถยี่ปุ่ง สมัถณะหรือประสิทธิภาพสู้รถยุโรปไม่ได้ แต่รูปร่างสวย ราคาไม่แพง เวลาขายต่อราคาดี เพื่อฅนนิยมกัน อะไหลหาง่าย มีร้านขายก๋วยเตี๊ยวขายตรงใหนก็มีร้านอะไหล่ขายแถวๆๆนั้น ส่วนราคาอะไหล่พอกัน บางอย่างยุโรปถูกกว่าด้วย


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เพื่อไทย เพื่อใคร
เรทกระทู้
« ตอบ #32 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 13:57 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถยุโรปดีที่สุดค่ะ ดิฉันขับโพลค์สวาเกน ใช้มา16 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย ตอนนี้ก้อใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนที่ซื้อคิดไม่ผิดที่ฝากชีวิตไว้กับรถยุโรปคันนี้ เวลาโดนคันอื่นชนรถเราเป็นอะไรไม่มากแทบไม่มีร่องรอยเลย แต่รถญี่ปุ่นเละ เวลาเราวิ่ง140 -150 รถก้อไม่ร่อน ยังวิ่งนิ่งปกติแทบไม่รู้สึกเลย เอาแจ๊สของแฟนมาขับวิ่งแค่100 ก้อร่อนแล้วค่ะ ถ้ามีเงินนะคะซื้อรถยุโรปดีกว่าค่ะ เหล็กเค้าแข็งแรงมาก ช่วงล่างสุดยอด ใช้งานอีกยาวนาน พี่ชายเราเป็นวิศวกรที่ระยองทำงานอยู่ปิโตรกลางทะเลที่ระยอง เงินเดือนเป็นแสนบอกให้ซื้อวอลโว่ลก้อไม่เชื่อ ไปซื้อโตโยต้าใช้ ตอนตีหนึ่งขับรถไประยองเจอรถบรรทุกขนเหล็กเส้นจอดเสียอยุ่ที่บ้านฉาง ไม่มีไฟติดให้เห็นว่ารถเสียพี่ชายเราไม่เห็นวิ่งเสียบท้ายรถเหล็กเส้นเปิดหลังคารถเสียบหน้าพี่ชายหายไปเป็นแถบ เสียชีวิตทันที ลองอ่านเป็นอุทาหรณ์นะคะ ตอนเรามีชีวิตอยู่ถ้ามีเงินมีกำลังซื้อสิ่งดีดีให้กับตัวเราเองและครอบครัวเถอะค่ะ เพราะถ้าเราตายไปก้อเอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ที่ดิฉันเลือกรถยุโรปก้อเพราะดิฉันใช้ชีวิตอยุ่ในรถเป็นส่วนใหญ่ และก้อยังมีชีิวตน้อยๆของไอจอมซนอีกหนึ่งชีวิต ถ้าดิฉันมีเงินอีกก้อจะซื้อ BMW ตอนนี้เก็บเงินอยู่
--------------------------------------------------------คุณมาโพสงี้ได้ไง ชนขนาดนั้น รถอะไรชนก็ตายหมดแหละ
คุณกำลังจะบอกว่า ถ้าเหตุการณ์นั้น พี่ชายคุณขับวอลโว่ จะรอดหรือเปล่า (อันนี้ไม่แน่ คุณอาจต้องลองเอง)

ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจที่สูญเสียค่ะ แต่อย่าโพสอย่างนี้ มันผิดหลักเหตุและผลค่ะ



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
แดง เหลือง
เรทกระทู้
« ตอบ #33 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 14:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รวยๆ ก็ซื้อไว้ทั้งสองคันไง ญี่ปุ่นด้วย ยุโรปด้วย ไว้ใช้ในงานที่ต่างกัน ตามเหตุและผล

รวยซะอย่าง เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องคิด
วู้ว ..........

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
smil11
เรทกระทู้
« ตอบ #34 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 14:11 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของแต่ละคน พ่อของคุณก้อคิดถูกเหมือนยังไงรถใหม่ก้อดีกว่าแต่ถ้าเปลียนบ่อยๆก้อเมือนกับเอาเงินมาเล่น แต่รถยุโรปราคาก้อต่างกับรถญี่ปุ่นมาก ส่วนตัวเองใช้ทั้งสองอย่างตามความจำเป็นของสถานที่และสถานการณ์

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
nett
เรทกระทู้
« ตอบ #35 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 16:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ดูสภาพการเงินของตัวเองเป็นดีครับ คิดให้เยอะ ไตร่ตรองให้มากๆแล้วสิ่งที่คุณซื้อก็จะคุ้มค่าที่สุด

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
sompoi
เรทกระทู้
« ตอบ #36 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 19:05 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เป็นคนชอบเดินทางเคยใช้ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปค่ะ ยุโรปดีกว่าโดยเฉพาะความปลอดภัย เวลาขับไม่ร่อนเหมือนรถญี่ปุน ปลอดภัยกว่าแน่นอนค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #37 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 19:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

การตัดสินใจซื้อรถยุโรป กับการซื้อรถญี่ป่น ก็ขึ้นอยุ่กับหลายปัจจัยครับ เช่น รายได้ต่อปีของผู้ซื้อ เพราะว่า ค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ยุโรป เช่น BMW series7 ออกใหม่ๆราคา7ล้าน ใช้ไป 6-7ปี ราคาเหลือ2ล้านกว่า เงินหายไปประมาณ 4.5ล้านใน6ปี เท่ากับค่าเสื่อราคาต่อปีประมาณ 7 แสนบาทต่อปี ถ้าคุณคิดว่าเงินหายไป 7 แสนกว่าต่อปี เรื่องเล็ก แค่เศษเงิน ก็ไม่เสียหายอะไรที่คุณจะซื้อ BMW มาขับครับ ส่วนรถญี่ป่นรุ่นท๊อปเช่น เล็กซัส ราคาก็ 5ล้านเหมือนกัน ค่าเสื่อมราคาต่อปีก็ไม่เบาเหมือนกัน
อีกปัจจัย ก็ลักษณะการใช้งานครับถ้าขับอยู่แต่ในเมืองซะส่วนใหญ่ รถญี่ปุ่นก็ขับสบายคล่องตัวครับ เพราะเด๊่ยวนี้ เทคโนโลยีของรถญี่ป่นวิ่งไล่ตามทันรถยุโรปแล้วครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
น้ำต้น
เรทกระทู้
« ตอบ #38 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 23:01 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ขึ้นอยู่กับความสบายใจของคุณพ่อคุณ แล้วล่ะครับ ว่าท่านชอบแบบไหน

เพราะถ้าเราไม่ประมาท คนอื่นที่ประมาทก็ยังมี ไม่ว่ารถจะมีสมรรถนะที่ดี

เท่าไร ถ้าผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ขาดการบำรุงรักษาสภาพของรถ รถญี่ปุ่น

หรือว่ารถยุโรปก็เก่าได้ เลือกซื้อตามความต้องการ เหมาะสมกับการใช้งาน

ไม่จำเป็นต้องราคาแพงมากก็ได้ แต่บอกได้ว่าเมื่อคุณได้ใช้รถนั้น จะได้รับ

ความคุ้มค่าที่ไม่แตกต่างกันมากหรอกครับ (ถ้าเรื่องความปลอดภัย ก็คงเป็น

รถกันกระสุนเลยดีกว่าไหม) ปลอดภัยดี

ปล.ผมแซวเล่นน่ะ อย่าเครียด ๆ q*073 q*07 q*027

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
อย่าคิดเยอะ
เรทกระทู้
« ตอบ #39 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 23:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คนที่ยังต้องคิดหน้าคิดหลัง ผมว่าึคิดแบบนี้ก็ุถูกครับ มองได้ต่างมุมนะ เป็นคุณถ้าคุณมีเงิน 500 หลัก หน่วย มันต่างกันไม่มากหรอกคับ (มองในมุมของคนมีเงิน) แล้วจัดสรรแล้ว

แตุ่ถ้าคุณมี10 ก็ต้องคิดแล้วละคับ รถญี่ปุ่นตอบโจทย์แน่นอน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นายควาย
เรทกระทู้
« ตอบ #40 เมื่อ: 25 พ.ค. 12, 23:53 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*077
เล่าสู่กันฟัง เราอยู่ใกล้กทม.มันเงินน้อย แต่อยากมีรถเล็กๆๆไว้ใช้สักคัน เห็นตามถนนมีรถคันยาวใหญ่ แต่นั่งส่วนหัวหน่อยเดียว แล้วบอกว่ารถติด ก็เป็นสิทธิ์ของเขาน๊ะคิดบ่นเอง เลยพิจารณาว่ามีเงินแค่นี้จะขี่รถมือสองสามอะไรดี ก็ดัดเลือกรถทั้ง 2 ค่าย ยี่ปุ่ง กับ ยุโรป ดูปีก่อน ในปีเดียวกัน ราคามันเท่าไร โอ้วแม่เจ้า เจ้ารถยี่ปุ่งแพงกว่ายุโรปเท่าตัว เมื่อซื้อมาใช้แล้วอายุอะไหล่ก็ต้องหมดสภาพซ่อมแน่นอน เราก็เลยคิดซื้อยุโรปดีก่าเพราะถูกกว่ากันเท่าตัวเก็บเงินไว้ซ่อม รถยี่ปุ่งก็ต้องซ่อม ลอคิดดูค่าซ่อมก็ต้องซ่อมเหมือนกัน พอได้ขับยุโรปแล้วก็ติดใจ เวลาเลี้ยวมันนึบดี อะไหล่ก็พอหาได้ แต่รถยี่ปุ่งเวลาเลี้ยวต้องเบรคช่วยอะไหล่ของยี่ปุ่งมากมาย ก็เท่านั้นเอง cocoq*101

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
gigi
เรทกระทู้
« ตอบ #41 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 07:23 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อยากปลอดภัยมากก็ซื้อฮัมวี่มาขับหรือรถถังเลยหรือจ้างบอดี้การ์ดขับรถประกบ4ด้านกันรถคันอื่นมาชนรถเราเลยจะปั่นfix gearก็ได้ รถซื้อมาใช้ ชอบอะไรก็เอารุ่นนั้นเชื่อตัวเองมั่นใจหน่อยอย่าไปสนใจคำพูดคนอื่นๆผมละเกลียดจริงๆคุณพวกชอบถามเราซื้อtoyotaแล้วมาถามว่าทำไมไม่เอาhondaบลาๆๆๆๆๆๆต่อไปหาเมียไม่ต้องมาโพสถามหรอกหรือ เลือกเองข้อมูลรถก็เปิดกว้างแต่ละรุ่นแต่ที่ติดคือคุณให้น้ำหนักทัศนะคติคนอื่นๆเกินไปเราชอบกินส้มตำถูกๆสะอาดอร่อยใช่ว่าจะต่ำต้อยกว่าคนกินสเต็ก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Mini
เรทกระทู้
« ตอบ #42 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 08:13 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถญี่ปุ่นก็ทำให้คนญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นคนขับรถส่วนมากมีวินัย ถนนบ้านเค้าเรียบวิ่งสบาย ตามซอยก็จะเล็กแคบ สมรรถนะของรถไม่จำเป็นต้องพูดถึง คนญี่ปุนใช้รถไม่นานก็เปลี่ยน เพราะรถเค้าราคาถูก จึงไม่ต้องคิดถึงอายุการใช้งาน
รถค่ายยุโรป แต่และค่ายบ้านเมืองถนนส่วนมากเป็น long road จึงต้องผลิตรถที่มีสรรถนะดีคงทนแข็งแรง ราคาจึงสูงอายุการใช้งานต้องคุ้มค่า ไม่ทำ body Chang บ่อย
ส่วนตัวแล้วรถญี่ปุ่น 5 ปี = รถยุโรป 10 ปี เปลี่ยน สรุปถูกทั้งคุณพ่อคุณลูกค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Mini
เรทกระทู้
« ตอบ #43 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 08:32 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ความคุ้มค่าของเงินต้องเอาสิ่งที่คุณจ่ายไปแล้วได้อะไรกับมาบ้าง
ความคุ่มค่าของการใช้งานอายุการใช้งานได้นานแค่ไหนกับเงินที่เสียไป
หน้าตาทางสังคมรถยุโรปชนะขาด ขับ MB C200 ไปกินข้าวแถวทองหล่อยามมารับรถให้ อีกครั้งใช้รถน้องสาว NS tida ยามบอกให้ไปจอดข้างนอก ชัดเจนค่ะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คุเปอร์
เรทกระทู้
« ตอบ #44 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 09:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในความรู้สึกผมนะครับเนื่องจากที่บ้านใช้ยุโรปแทบทั้งหมดละมีรถญี่ปุ่นอยู่ 2 คันเลือกใช้ MB S-classและ E-Class เดินทางไปๆมา
ขอนแก่น กรุงเทพ อุบลราชธานี เชียงใหม่ เป็นประจำนะครับ
ในเรื่องของความต่างผมเชียร์รถยุโรปนะคับผมสังเกตุเห็นความแตกต่าง
เอามาเปรียบเทียบกันดูผมวิ่งจากกรุงเทพไปอุบลราชธานีวิ่ง 160 ยังรู้สึกนิ่งมากคับกับเคยใช้คัมรี่ตัวท๊อปเนี่ย140ก็สั่นเหมือนเครื่องปั่นอาหารเลย
วิ่งทางหลุมบ่อแทบไม่รู้สึกอะไรแต่คัมรี่นะครับหัวสั่น
กระเด็นกระดอนตูดชาจนหัวจะหลุดเลยแหละ
ไปเชียงใหม่เนี่ยยิ่งสนุกขึ้นเขาครับไม่ต้องกลัวหลุดเลย ระบบเบรคดีเยี่ยม
เครื่องยนต์หนึบ นิ่ง จะใช้แรงก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ยอมจริงๆ
ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยผมให้เบนส์ที่ 1 ครับ
เคยวิ่งชนท้ายวีโก้ตัดหน้าใส่เต็มเหนี่ยวเลย ก็แค่กันชนแตกแค่นั้นเองคับ
ขับเร็วขนาดไหนตำรวจก็ปล่อยให้ผ่านคับ ไปเซ็นทรัลหรือไปไหนไม่ต้องกลัวหาที่จอดรถไม่ได้ครับ ที่บ้านผมครบแสนกิโลก็เปลี่ยนครับในระยะเวลา 3 ปีเพราะบ้านผมเดินทางบ่อย ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยจุกจิกเพราะว่าเปลี่ยนตามรอบมันแต่อาจสูงนิดหน่อย ผมว่าพ่อนายก็อาจประหยัดหรือไม่คิดจะใช้อะไรนานๆหรอกครับ
แต่ถ้าเป็นผมผมก็จะเอาแค่พอใช้เหมือนพ่อนายเหมือนกันเพราะรถที่ผมใช้อยู่เติมแต่ 95 ละก็หาเติมยากซะเหลือเกิน ขนาด 2 ปียังเบื่อเลยจะไปอยู่อะไรถึง 10 ปีครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Biker
เรทกระทู้
« ตอบ #45 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 10:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คำถามนี้ คนถามควรเก็บอาไว้ตอบด้วยตัวเอง ตอนที่หาเงินได้เองแล้ว ใช้เงินตัวเองซื้อรถ

ถ้าใช้เงินพ่อก็ไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่พ่อคิดหรอก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
abc
เรทกระทู้
« ตอบ #46 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 10:41 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เมื่อก่อนพ่อผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน และเจาะจงว่าต้องเป็น Toyota เท่าันั้น แต่เขาไม่ซื้อพวก Camry หรือ Corolla แต่เล่นเป็นพวกรถ Crown ซึ่งสมัยก่อนก็น่าจะเทียบเท่ากับพวก Lexus สมัยนี้ มี 2 เหตุการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนความคิดและตัดสินใจใช้แต่รถยุโรปแต่นั้นเป็นต้นมา

1. ไปทานข้าวตามภัตตคารใหญ่ๆหรือโรงแรม 5 ดาว เอา Crown ไปนี่ไปวนหาที่จอดเองเด็กรับรถไม่เคยหันมามองหรือดูแล แต่อีกวันเอา Benz ไปเด็กรับรถวิ่งมารับกุญแจไปจอดให้เป็นอย่างดี

2. บ้านเราอยู่กรุงเทพและนครราชสีมา และมีกิจการสาขาทางภาคอีสานอีกหลายจังหวัด พ่อขับรถขึ้นลงรถหว่างกรุงเทพ-นครราชสีมาและตามสาขาบ่อยๆ อย่างที่ทราบต่างจังหวัดขับรถกันไม่ค่อยระวังความปลอดภัย มอเตอร์ไซส์อยากจะตัดข้ามจากซ้ายมากลางถนน หรือกลางถนนไปซ้ายสุดตอนกลับรถก็ทำกันโดยไม่สนใจว่ารถทางตรงวิ่งมาเร็วแค่ไหน มีอยู่ครั้งหนึ่ง Crown วิ่งมาประมาน 100-120 เจอตัดหน้าผลคือลงไปอยู่คูข้างถนนแต่โชคดีว่าพ่อไม่เป็นอะไรแต่รถหมดสภาพขายซาก หลังจากนั้นพ่อเอาเบนซ์ออกใช้แทน เจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน แต่ด้วยความที่เครื่องรถยุโรปเมื่อก่อนแรงกว่าญี่ปุ่นพอสมควร เหยีัยบมา 140-160 เจอตัดหน้าหักหลบซ้ายแล้วเข้าขวา ทรงตัวต่อวิ่งต่อได้เป็นปกติ

หลังจากนั้นถ้าที่บ้านหรือลูกๆซื้อรถไว้ใช้และต้องเป็นคันที่วิ่งทางไกลก็จะเน้นรถยุโรป แต่ถ้าในกทมหรือนครราชสีมา ก็จะไปทาง Toyota เพื่อความคล่องตัวไม่ต้องกลัวเฉี่ยวชนมากและบำรุงรักษาไม่แพง

เพราะพ่อบอกว่าหาเงินมาทั้งชีวิตจนมีปัญญาซื้อรถยุโรปใช้ช่วยเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ดีกว่่างกประหยัดในเรื่องไม่เข้าเรื่องแล้วอั๊วไม่ได้อยู่ใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบาก เงินต่างกัน 1-2 ล้านยังไม่ตายหาใหม่ได้ ถ้าตายไปแล้วไม่เพียงแต่หาไม่ได้ยังต้องเอาส่วนต่าง 1-2 ล้านที่ประหยัดรถญี่ปุ่นกับรถยุโรปมาัจัดงานศพอีก

เห็นด้วยครับ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ความเห็นพ่อไม่ถูกทั้งหมด
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ชาวนา
เรทกระทู้
« ตอบ #47 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 15:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รวยกันจัง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เด็ก
เรทกระทู้
« ตอบ #48 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 17:56 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ใจจริงอยากเเนะนำรถเมกานะ555พี่ฟอร์ดอ่ะก็ปลอดภัยใช้ได้นา
เเต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆให้เลือกรถญี่ปุ่นเเต่ระดับเดียวกับรถยุโรปสิครับ
รู้จักเลกซัสมั้ยอ่ะครับ เมกามหาอำนาจของโลกคนประเทศเขานิยมรถที่หรูๆ
เนี่ยคือเลกซัสมาเป็นอันดับหนึ่งครับ บีเอ็มกับเบนซ์รองลงมา
ก็คิดดูนะครับถ้ารถญี่ปุ่นไม่ดีจริงทำไมที่เมกาถึงขายได้ดีกว่ารถยุโรปล่ะ
เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนเเล้วครับ นิสสันgtrคันละเเปดล้านยังเเข่งชนะพอร์ชคันละสิบกว่าล้านได้เลย
เลกซัสรุ่นใหม่ที่คันละสี่ล้านกว่าอ่ะ ได้รับการโหวตจากทั่วโลกว่าเป็นรถที่ปลอดภัยที่สุดในระดับเดียวกันนะครับ เหนือกว่า บีเอ็มกับ เบนซ์อีก
เคยมีเคสที่เพื่อนผมอยู่ ม เกษตร ครับ ขับเลกซัสรุ่นจีเอส ชนกับต้นไม้
รถพังยับเเต่คนเป็นเเค่เเผลถลอกครับ ไม่รู้ว่ารถดีหรือพระดี555
คุณไม่ควรเอาพวกเเคมรี่ เเอคคอร์ดไปเทียบกับอีคลาสอ่ะครับ
คือมันคนละระดับเลย เหมือนเอาไทยไปเทียบเมกาเงี้ยมันจะเทียบกันได้ไง
มันก็ต้องเอารถระดับเดียวกันไปเทียบกันดิ ผมอยากให้คุณได้ลองเลกซัสดู
ครับออกเเบบสวยไม่เเพ้ยุโรปเเน่นอนเเรงเเละปลอดภัยเเน่นอนครับ
เพียงเเต่หาซื้อยากหน่อยนะถ้าเป็นต่างจังหวัด

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
iTon
เรทกระทู้
« ตอบ #49 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 22:38 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถญี่ปุ่นหรือรถเยอร์มัน มันก็ทนทานได้ทั้งนั้นล่ะครับ ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

แต่บ้านเรารถราคามันแพงเกินไป

ถ้าบ้านเรารถราคาเท่าอเมริกาเมื่อไหร่

อาจจะไม่เห็นรถญี่ปุ่นวิ่งบนถนนก็เป็นได้นะ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
สอ
เรทกระทู้
« ตอบ #50 เมื่อ: 26 พ.ค. 12, 23:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมเห็นด้วยกับคุณพ่อของคุณนะครับ ที่ซื้อรถญี่ปุ่น แต่ก็อีกนั่นแลห่ะครับเมืองไทยรถญี่ปุ่น D Segment มีให้เลือกไม่กี่ตัว เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ในความเห็นผมถ้า จขกท. เทียบ แคมรี่ แอคคอร์ด ผลิตในบ้นเรากะรถญี่ปุ่น จะเห็นความต่างเรื่องสมรรถนะการขับขี่อย่างชัดเจนครับ ความเห็นผม Teana ดีกว่าครับ แต่คงไม่ถึงรถยุโรป ถ้าโชคดี บ้านเรา เอา Mazda6, Ford Fusion หรือ Chevrolet Malibu มาทำตลาด คุณจะได้ใช้รถที่อยู่ระหว่างกลาง ของญี่ปุ่นและยุโรปครับ คือ สมรรถนะการขับดี แข็งแรง เทคโนโลยีดี ราคาซ่อมบำรุงอาจจะสูงกว่าญี่ปุ่น แต่ไม่ถึงยุโรปแน่นอนครับ ส่วนตัวผมก็ขอให้ผู้ผลิตทั้งสามรายนี้ ทำตลาด D Segment เพื่อให้ลูกค้าชาไทยได้ใช้รถที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่สร้างภาพว่าอะไหล่หาง่าย ขายต่อราคาดี แต่ผลิตของคูรภาพถูกในราคาที่สูงกว่าที่ควรเป็นครับ ผมเชื่อว่าถ้า จขกท. เห็น Mazda6 คุณต้องชอบเหมือนผมแน่นอนครับ q*071

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เชียร์ ของใหม่
เรทกระทู้
« ตอบ #51 เมื่อ: 27 พ.ค. 12, 04:18 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ตอนพ่อผมได้เบนซ์มา รถก็วิ่งดี แตะแสนโล E classเริ่มจุกจิก ซ่อมบ่อย
จนผมถามพ่อ"ซ่อมหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ขายทิ้ง ให้เจ้าของใหม่ ซ่อมต่อ"

พ่อผม สวนกลับ "พ่อ ซ่อมมาแล้ว คงไม่เสียแล้ว"
สองสัปดาห์ต่อมา มาบอกผมว่า มันอาการเดิมอีกแล้ว

คำว่า "ของใหม่ยังไงก็ดีกว่าของเก่า" แตกต่างที่ใจรัก
รักรูปทรง กับ รักสมรรถนะ
คนที่ประสบการณ์ใช้รถมาเยอะ บอกว่า สมรรถนะ มาก่อน
ส่วนวัยรุ่น บอกว่า รูปทรง มาก่อน

ไม่แปลกที่พ่อคุณให้ซื้อรถใหม่ ผมลองคิดเล่นว่า ถ้าผมเอาเบนซ์พ่อมาใช้ ถึงมันปลอดภัย + สมรรถนะ + ภาพลักษณ์ แต่คุณเคยเห็น เบนซ์บนรถยกไหม ไม่ใช่ยกไปวางโชว์รูมนะ ยกไปซ่อม

**** คุณเห็น รถยุโรปเก่า กับรถญี่ปุ่นเก่า บนท้องถนน เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะ รถยุโรปแพงกว่า แต่เพราะใช้นานเข้า ปัญหา มันไม่จบ
พ่อคุณมองไกลกว่า ไม่ใช่ เพราะแพงกว่าหรอก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นานาจิตตัง
เรทกระทู้
« ตอบ #52 เมื่อ: 27 พ.ค. 12, 10:07 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมว่ามันอยู่ที่คนขับขี่เป็นสำคัญ ผมเคยเห็นS-classพังยับมาก็หลายคันยังนึกในใจมันพังได้ขนาดนี้เหรอ Porcheก็มีข่าวบ่อยครั้งยังไม่เหลือ มันก็เหมือนกันหมด รถญี่ปุ่นรุ่นใหญ่เขาก็ทำมาดี รถยุโรปอาจจะดีกว่าบ้างแต่ถ้าประมารถก็ไม่เหลือหรอก เรื่องความคุ้มค่า เวลารถซ่อม อะไหล่ของโตโยกับฮอนด้าจะหาง่ายกว่าถูกกว่า รถยุโรปบางครั้งต้องรอเป็นเดือน อันนี้พูดถึงซ่อมอู่นอกนะเพราะเคยไปเข้าศูนย์มันให้เปลี่ยนหมดเลยอะไรที่ยังไม่เสียก็จะเปลี่ยนให้ได้ ของผมโชคดีมีอู่ประจำที่ไว้ใจได้ อะไรที่ยังพอใช้ได้เขาจะไม่ซ่อมให้ อะไหล่ก็ถูกกว่า นานๆซ่อมทีก็โดนแค่2000 ซื้อรถไม่เหมือนซื้อบ้าน ราคาตกตั้งแต่ถอยออกมาแล้ว แต่รถโตโยกับฮอนด้าราคาขายต่อก็ยังดีกว่าเพื่อน รถยุโรปมือ2ขายได้ราคาต่ำเพราะไม่มีใครอยากเล่นถ้าซื้อเขาจะกดราคา แต่ของอย่างนี้อยู่ที่คนซื้อชอบแหละ แต่เราชอบรถญี่ปุ่นถ้าเรามีเงินเหลือสัก20ล้าน ซื้อรถยุโรปสัก3ล้านก็โอเคอยู่ เท่ดี แต่เศรษฐกิจอย่างนี้ยังไม่รู้จะไปหาตังที่ไหนเลยไหนต้องวางแผนค่าน้ำมันอีก

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คิดดี
เรทกระทู้
« ตอบ #53 เมื่อ: 28 พ.ค. 12, 10:39 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าถามอรรถประโยชน์ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ เหมือนกัน เอาไว้ใช้ขับขี่ เดินทาง
คนเบี้ยน้อย ก็ต้องมองเพิ่ม เรื่องความประหยัด เช่น ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา
คนมีเงินมากขึ้นมาหน่อย ก็มองเรื่องสมรรถนะ ก็อาจจะเอาเครื่องใหญ่หน่อย แรงหน่อย
และมีเงินมากขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะมองเรื่องความสะดวกสบาย ก็จะเอากว้างขวาง ออฟชั่นเยอะๆ เพื่อความสบาย
และมีเงินมากขึ้นมาอีก ก็จะมองเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ ความแข็งแรงของตัวรถ มีมากพอหรือไม่ ที่จะคุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
และมีเงินมากจริงๆ อีกเยอะๆ ก็จะมองเรื่อง หน้าตาทางด้านสังคม ก็จะจ่ายเงินเพื่อ เลือกรุ่นที่มีชื่อเสียงในกลุ่มผู้มีเงิน

แต่ทั้งนี้ ก็อยู่ที่ ความชอบของแต่ละคน และ ความเหมาะสมกับรสนิยม ไม่ว่า รถญี่ปุ่น หรือ รถยุโรป ก็ตอบสนองความต้องการ และ ความชอบในระดับต่างๆ กันได้ แต่ถ้ามองประเด็นใดด้านเดียว ผมว่า มันไม่ได้ตอบอะไรให้ได้เลย ต้องคิดก่อนว่า คุณลำดับความต้องการคุณอย่างไร แล้วให้คะแนนมันมากขนาดไหน ก็จะเจอรถที่เหมาะกับคุณแน่นอน

ข้อคิดประการหนึ่ง รถยุโรป ในยุโรป ถูกกว่า เมืองไทย มาก จะบอกว่า นำเข้าทั้งคัน ภาษีแพง ก็ไม่ผิด แต่ก็มีรถยุโรป ประกอบเมืองไทยเหมือนกัน ยี่ห้อดังๆ ทั้งนั้น ราคาก็ยังแพง ทำไมยังต่างกัน เป็นหลักล้านเทียบกับรุ่นเดียวกัน ในยุโรป ผมหาคำตอบได้อย่างเดียว คือ ผู้จำหน่ายในบ้านเรา ต้องการรักษาค่านิยมว่า เป็นรถหรู สำหรับคนมีฐานะ ก็ให้เขาจ่ายเพื่อรักษาสถานะนี้ไว้ เพื่อชื่อไม่ใช่เพื่อรถจริงๆ ใครมีคำตอบอย่างอื่น บอกได้นะครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
สั่นมาก
เรทกระทู้
« ตอบ #54 เมื่อ: 28 พ.ค. 12, 17:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

วิ่ง 140 สั่นเหมือนเครื่องปั่นอาหาร
เป็นอาการที่ไม่ปกติครับ
รถปกติจะไม่สั่นแบบนั้น

ถ้ายางบวมหรือไม่ได้ถ่วงล้อ,ถนนชำรุด ฯลฯ
จะรถ5แสนหรือ5ล้านก็สั่นเหมือนกันหมดนะจ๊ะ
140 km/h สำหรับคัมรี่ โคโรลลา ซีวิค แจ๊ส ฯลฯ ไม่สั่นครับ
ถ้ารถสมบูรณ์ดี

เบนซ์,บีเอ็มดับบลิว เสียอีก
หากราคาเท่ากันได้ปีที่เก่ากว่ามีโอกาสเสื่อมตามวัยได้มากกว่า
เรื่องความทานกับความแข็งแรงเป็นคนละเรื่องกัน

ยุโรปแข็งแรงกว่า หนักกว่า เปลืองกว่า ถ้าชนไม่หนักก็ปลอดภัยกว่า

เรื่องความทนทานยุโรปโดยทั่วไปสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ครับ

เรื่องภาพลักษณืดีกว่าน่ะจริง ยอมรับจ้า
แต่เรื่องทนทานน่ะไม่แล้วแล้วล่ะที่จะอึดแบบเบนซ์W123เมื่อหลายสิบปีก่อน พลาสติกเหมือนกันทั้งนั้นแหละ รถ5ปียุโรปพลาสติดกรอบหมด ซีดบ้าง ไฟก็เหลือง แบบนี้เรียกทนเหรอจ๊ะ q*033

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
123
เรทกระทู้
« ตอบ #55 เมื่อ: 28 พ.ค. 12, 20:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เมื่อไหร่จะรวยเหมือนเค้าซักทีเฮ้อ......................

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #56 เมื่อ: 28 พ.ค. 12, 22:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ใช้ เบนซ์เลยครับ ฟันธงถ้ามีเงินจะซื้อ เจอกับตัวเองมาแล้ว ตอนนั้นวิ่งบนทางด่วนรามอินทราปริมาณรถเยอะพอประมาณ เลยขับเลนขวาเร็วประมาณ 260 กม./ชม. ( เบนซ์นิวอาย 230 E คอมเพลสเซอร์ ) อยู่ก็มีรถ วอลโว่ 740 GL เปลี่ยนเลนกระทันหัน ผมเบรคหมดหยุดที่ความเร็ว 260 กม./ชม. ตอนนั้นคิดว่าคว่ำแน่ แต่ไปเป็นอย่างที่คิดครับรถใช้เวลาเพียง เสี้ยววินาทีก็ลดความเร็วได้เลยไม่ชนท้ายคุณ รถคันนั้น (แค้น ) เกือบตาย ผมเลยเข้าใจว่าเงินที่เสียไปกับรถยุโรปมันคุ้มค่ามาก แต่ค่าบำรุงรักษาแพงเวอร์เข้าศูนย์เช็คระยะแต่ล่ะครั้ง 50,000 บาท กำ q*072

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ผู้ปิดความลับสวรรค์
เรทกระทู้
« ตอบ #57 เมื่อ: 29 พ.ค. 12, 09:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*073 ผมว่ารถยุโรปใช้ดี แฮนลิ่งดี สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมันกล่าวเพราะมีเทอร์โบ หรือชุปเปอร์ชาร์ท ไม่เหมือนสมัยเก่า เดี๋ยวนี้เค้าดาว์ไซด์ ซิ่ง(ทำเครื่องเล็ก แต่แรงม้า แรงบิดเพิ่ม) รถญี่ปุ่นก็ใช้แอคคอร์ืท แคมรี่ก็เคยขับของเพื่อน ผมว่ามันล่อนมาก ตกหลุมที่เหมือนนั่งในกระป๋อง ยกตัวอย่าง รถ BMW X3 ขับช้าจะหนึบแน่น(บางคนว่าแข่งไป) แต่ที่ความเร็ว 140 ขึ้นไปช่วงล่างจะให้ต้วมีความยึดหยุ่น แกะถนนดีมุดโค้งก็ดี ใช้มา 2ปีครึ่ง จะแสนกิโลแล้ว ขึ้นเหนือยิ่งขับมัน แซงขึ้นเขาสบาย เพราะขับสี่ล้อ กินน้ำมัน (7.3 ลิตร ต่อ 100 กิโล) ก็ประมาณ เห็นมาบ่อยที่รถโตโยต้าวีโก้หรือฟอร์จูนเนอร์ แค่ถนนแฉะ ก็หนุมตกคลองกันแล้ว ไม่มีคู่กรณี

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
mommam
เรทกระทู้
« ตอบ #58 เมื่อ: 29 พ.ค. 12, 10:31 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ตั้งแต่ขับรถมา เกือบ 30 ปี ใช้รถญี่ปุ่นไปเกือบ 10 คันแล้วก็ใช้มาเกือบทุกยี่ห้อ(ยกเว้น มิตซู) รถยุโรป (1 คัน volvo) แต่รถที่ใช้ไม่เคยใช้ถึงเปลี่ยนอะไหล่-เข้าศูนย์ซ่อมซักคัน คือเป็นคนชอบใช้รถสภาพใหม่ตลอดและก็ไม่เคยขับเกิน 100 หากไม่ได้เร่งด่วนจริงๆ รถญี่ปุ่นหรือว่ารถยุโรป ปลอดภัยเหมือนๆกันค่ะ ถ้าคุณขับแบบรักษากฎจราจร และไม่ขับแบบรถแข่งในสนามแข่ง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
จริงบ้าง/ไม่จริงบ้าง
เรทกระทู้
« ตอบ #59 เมื่อ: 29 พ.ค. 12, 10:54 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถยุโรปดูภูมิฐานกว่า-จริง
รถยุโรปเกาะถนนดีกว่า-จริง
รถยุโรปการทรงตัวดีกว่า-จริง
รถยุโรปซ่อมแพงโคตรๆ-จริง
รถยุโรปจุกจิกมากกว่า-จริง
รถยุโรปแข็งแรงกว่า-จริง
รถยุโรปน้ำหนักมากกว่า-จริง
รถยุโรปสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า-จริง
รถยุโรปปลอดภัยกว่าทั้งก่อนชนและหลังชน-จริง
รถยุโรปมีอุปกรณ์มากมายที่ไม่เหมาะกับเมืองร้อน-จริง
รถยุโรปเกรดปานกลาง(โฟล์ค,วอลโว)ดีกว่ารถญี่ปุ่น-ไม่จริง
รถยุโรปทนทานกว่า-ไม่จริง
รถญี่ปุ่นภูมิฐานน้อยกว่า-จริง
ราคา/สมรรถนะคุ้มค่ากว่า-จริง
ซ่อมถูกกว่า/ง่ายกว่า-จริง
รถยุโรปเก่าอาจไม่ดีกว่าญี่ปุ่นใหม่-จริง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นันทศักดิ์
เรทกระทู้
« ตอบ #60 เมื่อ: 29 พ.ค. 12, 11:03 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ที่แน่ๆการเปลี่ยนรถทุกๆ 4-5ปีเป็นเรื่องที่ดีครับ ภาระการบำรุงรักษาที่จะกระโดดมากถ้าผ่านช่วงนั้นไป ส่วนเทคโนโลยีไม่ต้องพูดถึงเปลี่ยนเร็วกว่า4-5ปีด้วยซ้ำรวมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย, รูปลักษณ์ และอื่นๆ ถ้าปักธงแบบนี้อยู่ที่เราพร้อมจะรับส่วนต่างมากน้อยในทุกๆรอบที่เปลี่ยนนั้นครับ จะญี่ปุ่นหรือยุโรปคุณจะพบเรื่องที่ชอบใจและไม่ชอบใจไม่ทางใดก็ทางนึงตามมุมมองและวิธีใช้ ผมว่าตรรกะคุณพ่อถูกแล้วน่ะครับเรื่องรอบเวลา

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #61 เมื่อ: 7 มิ.ย. 12, 21:36 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สำหรับผมแค่ปัญญาซื้อ kawasaki ksr สักคันยังไม่มีเลยครับ ลงขวดเหล้าอย่างเดียว

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #62 เมื่อ: 12 มิ.ย. 12, 10:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อยากออกความเห็นมากเลยแต่ช้าไปมาก ขอโทษด้วย... เรื่องนี้พิจารณาได้อยู่ 3 ส่วนซึ่งถ้าพิจารณาแต่ละส่วนถ้าคำตอบคือไม่หรือไม่ผ่าน ก็ให้พิจารณาตามนั้นซึ่งแต่ละส่วนสำคัญเท่ากันหมด มี 3ส่วนดังนี้ครับ 1รายได้(ไม่ใช่ทรัพย์สินที่มีอยู่) ถ้าคุณมีรายได้หลังหักภาระค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ ปีละไม่น้อยกว่า 3 ล้านขึ้นไปหรือถ้าเป็นเจ้าของกิจการมียอดขายปีละไม่น้อยกว่า 50 ล้านก็ผ่านครับ 2 ความรู้สึก ถ้าคุณรู้สึกเป็นสุขอย่างมากที่ได้ครอบครองมันมากกว่ารถตลาดธรรมดาก็ผ่านครับ และ 3 คุณภาพ เช็คคุณภาพกับค่าดูแลด้วยครับบางรุ่นราคาแพงมากแต่คุณภาพไม่ได้เรื่องเลยครับ ผมสรุปอีกครั้งตามความคิดของผมว่า คนที่ซื้อรถราคาแพงมากมาใช้คือคนที่รวยที่สุดหรือไม่ก็เป็นคนที่โง่ที่สุด ขึ้นกับประเด็นที่ผมตั้งให้พิจารณาครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
NANA_CM
เรทกระทู้
« ตอบ #63 เมื่อ: 12 มิ.ย. 12, 14:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

]ดิฉันก้อคิดว่าของใหม่มันย่อมดีกว่าแน่นอนค่ะ แล้วที่ว่ารถญี่ปุ่นหล็กไม่แข็งแรง ดิฉันขอเล่าให้ฟังเรื่องนึง รถแฟนดิฉันเป็นแอคคอร์ด อายุน่าจะเกือบ20ปีละ เราเอาไว้ขับในเมือง ไม่กล้าออกนอกจังหวัด กลัวเสียกลางทาง แต่รถคันนิทำให้เราทึ่งได้ เพราะคืนนั้น เกือบตีสอง แฟนดิฉันกินเบียร์กะเพื่อนเสร็จแล้ว ก่อนกลับบ้าน เค้าอยากกินข้าว เลยไปหาของกิน ตรงสี่แยกนั้น ฝั่งที่แฟนดิฉันขับ เป็นไฟเหลืองกำลังจะแดง ส่วนทางขวามือ วีโก้ก้อเหยียบเร่งมาเลย เพราะเป็นไฟเหลืองที่กำลังจะเป็นไฟเขียว ซึ่งแยกนั้นมันมีเสาของสะพานลอยที่ใหญ่มากอยู่ทางขวามือของแฟนด้วย มันเลยบัง ทำให้ทั้งสองชนกัน
รถแอคคอร์ด กระดอนขึ้นแล้วไหลไปติดข้างฟุตบาท หน้ารถวีโก้ยุบไปเยอะ ส่วนแอคคอร์ด กระจกแตก ประตูยุบ และเปิดออกไม่ได้ แฟนดิฉันไม่เป็นไร แต่โดนกระจกบาดมือนิดหน่อย ตอนเอาไปซ่อม แฟนบอกช่างให้หาประตูของแอคคอร์ดมาใส่เท่านั้น นานแค่ไหนก้อรอได้ มันบอกว่า ตอนนิมันรักรถเก่าคันนี้ที่สุด เพราะทำให้มันรอดชีวิตมาได้อย่างเหลือเชื่อ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
boo za
เรทกระทู้
« ตอบ #64 เมื่อ: 30 มิ.ย. 12, 01:45 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เรื่องความปลอดภัย สำคัญสุด คือ ตัวเราครับ ไม่ประมาท ยังไงก็ปลอดภัยครับ!!!

เรื่องรถที่คุณพ่อของคุณบอก ให้คิดง่ายๆนะครับว่า จาก กทม ไปเชียงใหม่ ระหว่าง รถยุโรปกับญี่ปุ่น ถามว่าไปถึงเหมือนกันมั้ย
เรื่องรถใหม่ แอคคอร์ด คันละ ล้าน กว่าๆ ในสเปคเดียวกันกับรถยุโรปก็ สามล้านอัพ ถามว่า 1 คัน ยุโรป ได้สามคันญี่ปุ่น แต่ใช้งานเหมือนกัน 5 ปีผ่านไป รถญี่ปุ่น ราคาตกลงประมาณ 50% เหลือ 7 แสน รถยุโรปล่ะครับ เหลือล้านต้นๆ ในระยะแค่ 5 ปี แล้วคิดต่อ 5 ปี หายไป ล้้านกว่า กับหายไป7 แสนกว่าๆ จะเลือกอะไร แล้วคิดต่อ ถ้าเราซื้อใหม่ ก้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซื้อเอเชีย ล้านกว่าๆ ได้ออพชั่นครบ หรือจะเอาคันเก่าห้าปีแล้วมาทำใหม่!!! เป็นผม ผมเชียร์คุณพ่อของคุณครับ


แน่นอนเลยคัฟ...

ยุโรป 1 คัน ใช้15 ปี
ปุ๋น 3 คัน ใช้ 15ปี

สรุป ปุ๋น 5ปี 1คัน ยุโรป 1คัน 15 ปี
....
น่าจะสรุปใด้นะคัฟ...
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #65 เมื่อ: 12 ก.ค. 12, 20:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถยนต์ญี่ปุ่นดีกว่ารถยนต์ยุโรปแน่นอนครับ โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยี
เพราะรถญี่ปุ่นมีทั้งแบบ Hybrid , Hybrid plug-in , fuel cell ซึ่งรถยนต์ยุโรปยังไม่มี โดยแต่ละแบบก็จะมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป โดยรถยนต์ญี่ปุ่นเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษ
ตั้งแต่รถญี่ปุ่นมีการขายรุ่น Hybrid มากว่า 1.9 ล้านคัน จะสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 9 ล้านตัน
ถ้าพวกคุณยังไม่เชื่อในเทคโนโลยีญี่ปุ่น ก็เข้าไปหาของ Toyota Fun vii ได้เลย ผมรับประกันว่า ณ ตอนนี้ไม่มีรถยุโรปที่ทำได้หรอก
และรถญี่ปุ่นยังมีระบบ fuel cell ซึ่งจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เเต่จะปล่อย "น้ำ" ออกมาแทน หาข้อมูลได้ที่ Toyota FCV-R
และสุดท้ายผมขอบอกไว้เลยว่า ต่อให้เป็นรถยนต์ที่หรูขนาดไหน แต่ถ้ารถคันนั้นไม่มีระบบที่รักษาสิ่งแวดล้อม ก็ไม่สมควรที่จะเป็นรถยนต์ชั้นดีได้หรอกครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #66 เมื่อ: 13 ก.ค. 12, 19:59 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรื่องอายุการใช้งานผมว่ามันก็ดีพอกันอยู่แล้ว เพราะถ้าซื้อรถญี่ปุ่นแบบไฮบริด ก็มีอายุการใช้งานอย่างน้อย8ปีครับ ส่วนถ้าเป็นรถยุโรป เหล็กมันก็หนา อายุการใช้งานพอกันครับ
ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมอยากให้คนมาขับรถยนต์ Eco car กันมากๆครับ เพราะรถ Eco car จะปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถยนต์ธรรมดา
และอีกอย่างรถยนต์ Toyota Prius เจเนอร์เรชั่น 2545 ก็เคยได้รับรางวัล รถยนต์ปล่อยมลพิษต่ำที่สุด
และในสหราชอาณาจักรก็ได้มีกฎหมายคือ ยกเลิกภาษีเกี่ยวกับรถยนต์ทั้งหมดให้กับผู้ที่ใช้รถยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่ารถญี่ปุ่นรักษาสิ่งแวดล้อมมากๆ q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
add
เรทกระทู้
« ตอบ #67 เมื่อ: 13 ก.ค. 12, 20:08 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สาเหตุที่รถยนต์ญี่ปุ่นเมื่อขับเร็วจะไม่ค่อยดีเพราะว่าถนนที่ญี่ปุ่นเป็นซอยเล็กๆ เเคบๆ เยอะมากๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ที่แรงๆครับ
และผมแนะนำว่า ถ้าคุณอยากได้รถที่เร็วของญี่ปุ่นผมแนะนำ Toyota GT-86 , Honda CR-Zและ Nissan Fairlady Z ครับ เนื่องจาก 86 CR-Z Fairlady Z มีราคาที่ค่อนข้างจะถูก(สำหรับคนมีเงิน)ครับ แถมรูปร่างก็สวยใช้ได้เลยครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
คนคิดเอง
เรทกระทู้
« ตอบ #68 เมื่อ: 17 ก.ค. 12, 18:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*039ผมเลือกรถยุโร) ถึงผมจะใช้รถมือ2ผมก็เลือกยุโรป ตอนนี้มองฟอร์โฟกัสใหม่ ซึ่งราคาเท่ากับรถญี่ปุ่นขนาดเดียวกัน ราคาเท่ากัน ผมเลือกโฟกัสดีกว่า และอีกอย่าผมไม่ใช่เซลล์แมนขายรถนะครับ แต่ผมเป็นผู้ใช้รถ และเป็นผู้กำหนดในชะตาชีวิตและความปลอดภัยของผมเอง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เชื่อในสิ่งที่ทำ
เรทกระทู้
« ตอบ #69 เมื่อ: 17 ก.ค. 12, 18:35 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*039ผมเลือกรถยุโรปครับ ถึงผมจะใช้รถมือสองผมก็เลือกรถยุโรป ตอนนี้กำลังเล็งฟอร์ดโฟกัสใหม่ ซึ่งราคาเท่ากันกับรถญี่ปุ่นในรุ่นใกล้เคียงกัน แต่ผมเลือกโฟกัส (ผมไม่ใช่เซลล์แมนนะครับผมเป็นผู้บริโภคที่มีทางเลือก) หลายด้านที่ผมเลือก ทำไมต้องเหมือนคนอื่นทุกเรื่อง จะให้ใครมากำหนดชะตาชีวิตและความปลอดภัยเราทำไมครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เรื่อยๆ
เรทกระทู้
« ตอบ #70 เมื่อ: 17 ก.ค. 12, 23:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมใช้ทั้งรถญี่ปุ่นและก้อยุโรป แต่ชอบรถยุโรปมากกว่าคับ เรื่องอะไหล่ ผมว่าปัญหามานยังไม่เกิดไม่เห็นต้องกังวลเลยคับ เรื่องขายต่อตอน 5 ปี ในเวลา 5 ปี รถญี่ปุ่นเปลี่ยนรุ่นไหม่กว่าไปไม่รุกี่รุ่น ราคาก้อตกเหมือนกาน ถ้าจะใช้รถญี่ปุ่น ผมว่าใช้รถนำเข้าจากญี่ปุ่นดีกว่าคับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Tanin
เรทกระทู้
« ตอบ #71 เมื่อ: 18 ก.ค. 12, 04:12 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าเลือกกันจริงๆรถยุโรปคงได้ภาพลักษณ์แต่ก็คงต้องแลกมาบนค่าใช้จ่ายที่ตามมาทั้งค่าน้ำมันค่าดูแลรักษา ซึ่งแพงมาก แต่ถ้าซื้อรถญี่ปุ่นก็ดูแลง่ายประหยัดตังแต่ภาพลักษณ์ก็สู้รถยุโรปไม่ได้ เรื่องเครื่องยนต์กับการเกาะถนนเดี่ยวนี้เริ่มใกล้เคียงกันมากขึ้นครับ ผมเคยนั่งคิดปัญหานี้ซึ่งก็เคยเป็นปัญหานึงของผม ทุกวันนี้ผมเลยจบที่ Lexus ครับตอบโจทย์เลยครับภาพลักษณ์ก็ดีคุณภาพก็ได้ เครื่องยนต์แทบไม่ต้องดูแล การเกาะถนนผมว่าไม่แพ้รถยุโรปส่วนตัวผมว่าดีกว่ารถยุโรปอีกจะแพ้ก็แค่ BMW เท่านั้นค่าดูแลรักษา สบายๆเลยครับ คุณภาพการประกอบผมว่าชนะรถยุโรปเลยครับ แต่ก็มีข้อเสียนะครับ ตอนนี้ราคาเทียบต่อรุ่นกลายเป็นแพงกว่ารถยุโรปผซะแล้ว เลยกลายเป็นโจทย์ใหม่ไป

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
arty
เรทกระทู้
« ตอบ #72 เมื่อ: 18 ก.ค. 12, 18:40 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*078 ยุโรปค่ะ อายุเราก็ 27 ช่วงมหาลัย ใช้ ญี่ปุ่น (โตโยต้าอัลติสกะฮอนด้าซิวิค) มีเหตุการณ์ ชนบ้าง เจอแอ่งน้ำบ้าง เจอฝนตกหนัก ขับรถเป็น ตั้งแต่ 10 ขวบ พอทำงานเปลี่ยนมาใช้ ยุโรป ช่วงเวลาที่ผ่านมา เกือบ 17 ปีที่ขับรถญี่ปุ่น ตอนนี้ บอกได้ คำเดียว ฉันบายรถญี่ปุ่น แล้ว ซื้อ ขอมาตรยุโรปเท่านั้น เรื่องราคาตก ไม่สน ขอความปลอดภัยในการขับรถพอ คนที่ใช้ รถยุโรป หาน้อยคนที่จะกลับไปใช้ญี่ปุ่น q*095

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
arty
เรทกระทู้
« ตอบ #73 เมื่อ: 18 ก.ค. 12, 18:42 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

q*062 เลคซัส ตอบโจทย์ได้ดี มีข้อร้องเรียน น้อยมาก จากคนใช้ ทั้วโลก q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
มีเหตุผล
เรทกระทู้
« ตอบ #74 เมื่อ: 19 ก.ค. 12, 15:53 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
รถญี่ปุ่นก็ทำให้คนญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นคนขับรถส่วนมากมีวินัย ถนนบ้านเค้าเรียบวิ่งสบาย ตามซอยก็จะเล็กแคบ สมรรถนะของรถไม่จำเป็นต้องพูดถึง คนญี่ปุนใช้รถไม่นานก็เปลี่ยน เพราะรถเค้าราคาถูก จึงไม่ต้องคิดถึงอายุการใช้งาน
รถค่ายยุโรป แต่และค่ายบ้านเมืองถนนส่วนมากเป็น long road จึงต้องผลิตรถที่มีสรรถนะดีคงทนแข็งแรง ราคาจึงสูงอายุการใช้งานต้องคุ้มค่า ไม่ทำ body Chang บ่อย
ส่วนตัวแล้วรถญี่ปุ่น 5 ปี = รถยุโรป 10 ปี เปลี่ยน สรุปถูกทั้งคุณพ่อคุณลูกค่ะ

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 42 ครับ ตอบได้ดีที่สุดเลยครับ ตอบด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ เยี่ยมครับ ให้มุมมองที่ดีมากๆ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
โดม
เรทกระทู้
« ตอบ #75 เมื่อ: 25 ก.ค. 12, 00:54 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

พ่อคุณคิดถูก ครับ แต่ถ้ามองญี่ปุ่นผมว่าเขาสามารถทำได้นะเหมือนยุโรปแต่จะขายให้ใครถ่าต้องแพงเกินไปแล้วขายไม่ได้ สู้ราคากับคุณภาพเหมาะสมกันดีกว่า เพราะไม่รถคันไหนใหม่ตลอดเวลา ได้ถึง 10 ปี แต่จะให้ดีต้องซื้มาใช้งานเปรียบเทียบกันดู ครับ จะรู้ดีมาก ด้วยตัวเอง ครับ q*039

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
ARMS
เรทกระทู้
« ตอบ #76 เมื่อ: 1 ส.ค. 12, 20:27 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ผมคิดอย่างนี้ครับ................. ตัวอย่างนี้ผู้ชายน่าจะเข้าใจดี
- มีดโกนยินเลทท์ march3 ใบมีแฝด 3 ใบ ด้ามสวยกิ้ง... คมกริบ ราคาแพงเอาการ โกนวันเว้นวัน ใช้ไป 3 เดือน

เปรียบเทียบกับ

-มีดโกน ด้ามพลาสติก ธรรมดา ๆ ของ Big, หรือ ยินเลทท์ถูกๆ โกนวันเว้นวันเปลี่่ยนด้ามใหม่ 1 ถึง 2 อาทิตย์ครั้ง

ผมเลือกข้อ ๒ ถูกกว่าประหยัดกว่าคุณภาพไม่ตก
คุณหล่ะเลือกข้อไหน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
เอ้เห้อ
เรทกระทู้
« ตอบ #77 เมื่อ: 15 ส.ค. 12, 19:53 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รถอะไรก้ได้ขอให้มีขับ..มีตังเยอะก้ซื้อรถดีดี..มีตังน้อยก็เอาแค่..ไม่ต้องเปียกฝนเวลาเดินทางไปทำงาน..จะอยู่จะตายก้เป้นเรื่องของกฎแห่งกรรม...ทำกรรมมาเยอะก็อยู่นานหน่อย..ทำกรรมมาน้อยก้ตายเร็ว...เอาแค่..ขับรถถูกกฎ มีวินัย...ไม่เห็นแก่ตัวและไม่ประมาท...ก็โอเคแล้ว.... q*062

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
นพชัย
เรทกระทู้
« ตอบ #78 เมื่อ: 20 ส.ค. 12, 22:30 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ที่บ้านมีทั้ง Audi A4 Volvo 740 Benz 280E Saab9000cd
Pergeot 306 ทุกคันซื้อสภาพ 80-90% ในราคา10%ของใหม่ก็ไม่เห็นจุกจิกอะไรถ้าดูแลเค้าดีๆ งานอดิเรกชอบแซงรถญี่ปุ่นใหม่ๆนิ่มๆตอน1xx km/hr

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
NonniiezZ
เรทกระทู้
« ตอบ #79 เมื่อ: 31 ส.ค. 12, 05:43 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ที่ว่า
รถใหม่มันดีกว่ารถเก่าอยู่แล้วล่ะครับ
ยกว้นพวกที่มีความคิดแบบเด็กๆวัยรุ่นซิ่งรถล่ะครับ ซื้อของเก่ามาทำ

"ความคิดแบบเด็กวัยรุ่นซิ่งรถ" คุณคับ หากพูดถึงความคุ้มค่านะ จะให้ซื้อรถใหม่ๆ แล้วมาแต่ง มันก็เสียดายของ เสียดายเงินป่าวๆ หากคุณไม่ได้ชอบแนวนี้ ก็อยู่ส่วนของคุณเถอะครับ ที่ซื้อรถเก่ามาแต่ง คือมันไม่ต้องกลัวว่าจะเสีย จะแต่งพลาดอะไรมาก เพราะมันถูกกว่า
ที่คุณพูดแบบนี้ เพราะคุณอาจมีเงิน แต่คุณลองคิดว่า ถ้าคุณมีเงินน้อย แต่คุณอยากขับรถดีๆ แรงๆ หละ คับ
ตัวอย่างเช่นถ้า ซื้อ
series3 ปี92 มา2xx,xxx กับ ซื้อพวก vios มา6xx,xxx คุณว่าอันไหนจะคุ้มกว่าหละ เอา viosมาแต่ง ถึงจะแต่งยังไง มันก็สู้ series3 92Yr ไม่ได้นะคุณ
คุณอาจเป็นพวกนิยม รถใหม่ ก็เรื่องของคุณ อย่างผม เงินน้อย จะให้ไปซื้อรถใหม่ถูกๆ แต่ สมรรถนะ ห่วยๆ กับ ซื้อรถ เก่า แต่อุ่นใจกว่า ผมซื้อรถเก่านะ อย่างว่าแหละ คนเราเงินมันไม่เท่ากัน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
แวะมาเที่ยวเฉยๆ
เรทกระทู้
« ตอบ #80 เมื่อ: 3 ก.ย. 12, 16:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

มี 2 คันครับ ยุโรปเอาไว้ซ่า ญี่ปุ่นเอาไว้ เซฟ เวลาเป๋าบาง 55

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
อมตะ
เรทกระทู้
« ตอบ #81 เมื่อ: 8 ก.ย. 12, 17:55 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้าเราตีค่าตัวเราสูงก็ใช้รถยุโรปเถอะโดยเฉพาะรถขับหลังอย่างเบนซ์หรือบีเอ็ม ถ้าขับธรรมดาก็ถึงเหมือนกันแต่ใครจะไปคิดในบางครั้งมันไม่ธรรมดาทั้งทัสนวิสัยหรือเหตุฉุกเฉินวิศวกรรมยานยนต์ที่ต่างกันมากมันช่วยเราได้มากที่เดียว q*033q*033q*033

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:
Guest
Benz240
เรทกระทู้
« ตอบ #82 เมื่อ: 26 ก.ย. 12, 08:33 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ถ้ามีเงินพอก็ Benz เลยครับ
ผมใช้มา 11 ปี C240 w202
รถ 11 ปี แต่ยังมีเทคโนโลยีที่รถเก่งค่ายอื่นๆในปัจจุบันยังไม่มีเลยก็มีครับ