เมื่อ ปี 2550 ผมจบป.ตรี (การจัดการ) ได้งานที่แรกรวมรายได้ 19,000 บาท(ทำได้ 5 เดือน) จากนั้นตกงานไปอีก 5 เดือน(เพราะตอนออกจางานเก่า ยังไม่ได้งานใหม่) ต่อมาที่ที่ 2 รวมรายได้ 10,500 บาท(ทำได้ 2 สัปดาห์ รับสภาำพไม่ได้ ระบบเซฟตี้ไม่ดี ประกอบกับได้งานใหม่พอดี) งานที่ 3 รวมรายได้ 11,000 บาท(ทำได้ 7 เดือน ลาออกเพราะได้งานใหม่) งานทีที่ 4 รวมรายได้ 16,900 บาท(ทำได้ 1 ปี 10 เดือน และก็ลาออกเพราะได้งานใหม่อีก) งานที่ที่ 5 รวมรายได้ 20,600 บาท (ทำได้ 5 เดือน จึงลาออก) จากนั้นก็ช่วยดูแลกิจการใ้ห้ญาติๆ รายได้ 12,000 บาท (ทำได้ 5 เดือนกว่าๆ ก็ได้งานใหม่ บริษัทที่เคยสมัครไว้กว่า 2 ปี ติดต่อเข้ามา) งานทีที่ 6 นี้ รวมรายได้ 35,000 บาท (และยังคงทำอยู่ถึงปัจจุบัน)
จากเวลาประมาณ 5 ปีที่ผ่านมานี้ ผมทำงานมา 5 บริษัท กับอีก 1 ธุรกิจ(ของญาติ) ผ่านงานบุคคล ธุรการ จัดซื้อ และเป็นเซลล์มา ได้รับประสบการณ์ของงานที่หลากหลาย(อาจจะน้อยบ้างมากบ้างในแต่ละงาน) ในเรื่องรายได้ก็ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามข้อมูลข้างต้น แต่ที่ผมจะบอกก็คือในชีวิตการทำงาน บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับจังหวะของโอกาสที่เข้ามาเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าเราจะรอโอกาสเพียงอย่างเดียวเสมอไป อย่างน้อยก็ควรทำตัวเองให้เป็นโอกาสด้วย(ชอบอะไร แบบไหน กระโจนตัวเองเข้าไปหาสิ่งนั้นเพื่อสร้างโอกาส ทีนี้ก็เหลือที่จังหวะว่าจะถึงเราหรือไม่ เมื่อไร) ที่หลายๆ คนบอกว่ารายได้เท่าโน้น รายได้เ่ท่านี้ พอมั๊ย? ผมว่า "พอ" หรือ "ไม่พอ" อยู่ที่รายจ่ายด้วยครับ รายได้มาก รายจ่ายมากหรือมากกว่า ยังไงก็พออยู่ดีครับ รายได้น้อย รายจ่ายน้อย อาจจะเสมอตัว ของแบบนี้ไม่มีสูตรตายตัว มันอยู่ที่พฤติกรรมในการบริโภค วิธีการบริหารเงิน และการออม(มีหลายประเภท) ดังนั้นรายได้มากหรือน้อย พอหรือไม่พอ ตอบไม่ได้ครับ ให้ดูที่รายจ่ายประกอบกัน และจะรู้ว่าพอหรือไม่พอ หากไม่พออันดับแรกคือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก อันดับสองหารายได้เพิ่ม ผมว่าคงจะมีอยู่สองลักษณะนี้ล่ะครับ แต่หากเป็นรายจ่ายเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่หรือผู้มีบุญคุณก็ทำไปเถอะครับ ผมเองก็ทำอยู่ และคิดว่ามันเป็นกุศลและช่วยให้เราเจริญขึ้นด้วยครับ... สู้ๆ ครับ เพื่อนมนุษย์เงินเดือน