สึกเถอะเสมเอ้ย.........................
ไม่มีใครเอาผิดได้ดอก เพราะยังไม่ผิดปาราชิก 4 อย่างโจ่งแจ้ง............. แต่แค่โลกะวัชชะ
คือ ความเหมาะสม ควรหรือไม่ควร หากเป็นผู้เจริญก็ลาออกจากบรรพชิตได้แล้ว อย่าให้เสียชื่อนามสุกุลลูกหลานที่เขาร่วมใช้ด้วยเลย..........
ท่านยังเต็มไปด้วย ..ตัวกู...ของกู.... อยู่ไปก็อายฆราวาสเขาที่ถือสิลห้าสิลแปด สมณะคือ ผุ้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่โยมเขาทำบุญได้สุจริตใจ........ ท่านเองก็มีสหายทางธรรมเยอะ สุปฏิปันโณที่เขาเป็นตัวอย่างที่พอเปรีบยเทียบกันได้มีเยอะแยะ
ท่านตัดสินใจเองดีกว่า...... ถ้าเป็นลูกผ้ชาย........................
แหงนหน้าไม่ฟ้า ก้มลงมาไม่อายดิน..................
แต่ท่านชอบแหงนหน้า ในสามก๊กมี
แม่ทัพคนหนึ่งชอบแหงนหน้าเหมือนกันก็ถูกลูกสิษย์ของขงเบ้ง เอาง้าวสับคอขาด
การลืมตัวเป็นกิเลสที่ละเอียดทีสุด
เป็นสันดานฝ่ายอวิชชาที่ตกตะกอนอยู่ลึก
กำจัด และดีลีทออกได้ยากมากที่สุด
พระพุทธองค์ท่าน จึงจัดเป็นอกุศลจิตไว้ชั้นในที่สุด
มันคือมิจฉาทิฏฐิก็พาหลงไป ทำผิดท่นโท่กคิดว่าทำถูก ทำเองเออเอง!
แต่ถ้ามาโต้แบบกฏหมายมันก็ เอาแบบสีข้างเข้าถูไม่ปรากฏหลักฐานทำผิดอย่างชัดแจ้งเหมือนต้องขึ้นศาลทางโลกียชนเขา
นอกจาก ต้วผู้เจริญต้องฮิ่นตองเอาเอง ทำให้เถระผู้ใหญ่ที่ต้องการเป็นอริยสงฆ์ก็ไม่ค่อยอยากยุ่งด้วย เพราะจิตจะตกและเพาะกรรมใหม่เพิ่มเข้าไปให้ตนเองอีก
แต่เราดูเธอแล้ว พุทธบริษัทเขาสมเพท ..........ร้อยละ 89........
หรืออีกทางหนึ่งไปหากินทางตลกน่าจะรุ่งกว่าอยูในสมณเพศ เพราะมันมัวหมอง จิตใจและศีลมันพร่องไปมากแล้ว ทะลุแล้ว วิธีปลงอาบัติ ก็คงไม่ต้องแล้วละ่ เพราะเว้าไม่เป้นแล้วมั้ง.........บุญใคร กรรมมัน...น้อ...
สิ่งที่เป็นสัจจธรรม คือ เหตุต้น ผลกรรม......
จิตท่านไม่ว่างจริงๆ หรือ หาเรื่องเป็นข่าวได้เสมอๆ
สวรรค์ก็อยู่ในอก นรกก็อยู่ในใจ
สุขหรือทุกข์ ก็รู้ที่ใจ รู้ด้วยใจ