วัยเจริญพันธุ์ วัยเจริญพร

“วัยเจริญพันธุ์-วัยเจริญพร”
โดย เดชา เวชชพิพัฒน์

ข่าวการพบศพทารกที่วัดไผ่เงินนั้นมีลีลาการเป็นข่าวไม่เบา เริ่มจากเจอสามร้อยกว่าศพ ผ่านไปไม่กี่วันเจออีกนับพันศพ ไปๆมาๆ ตัวเลขล่าสุดคือสองพันกว่า อีกทั้งรายละเอียดของข่าวก็สุดแสนจะน่าติดตาม มีการพาดพิงดารานางแบบถึงสามคน หาว่าเป็นหนึ่งใน “ผู้ให้ปฏิสนธิ” แก่เด็กเหล่านั้นที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก อีกทั้งยังมีการทำบุญอุทิศสว่นกุศลให้แก่ทารกผู้โชคร้ายเหล่านั้น ขนซื้อขนมและของเล่นมาให้ผีเด็กกันมากมาย ดูราวกับงานขายของประเภทสินค้าเด็ก

รายได้จากการทำแท้งก็สุดแสนล่อใจ มีการแบ่งเป็นสองประเภท อายุครรภ์น้อยก็จ่ายน้อย ท้องปุ๊บทำแท้งปั๊บ รับไปเลย “ราคาโปรโมชั่น” 1-3 เดือน คิดห้าพันบาท แต่ถ้าลังเลปล่อยทิ้งไว้นานก็จ่ายแพงหน่อย 5 เดือนขึ้นไป คิดสามหมื่นบาท ที่นึกไม่ถึงคือมีกลยุทธ์ทางการตลาด หากชักชวนลูกค้าไปทำแท้งก็จะได้รับส่วนลด ทำราวกับของกินของใช้ ถามจริง ... ไม่กลัวคน “ต่อแถวทำแท้ง” แบบโดนัทเจ้าดังหรือ

อย่างไรก็ตาม เหตุสะเทือนใจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสังคมเราอยู่กันอย่างตัวใครตัวมันอย่างแท้จริง ต่างคนต่างเอาตัวรอด ผู้ใหญ่ไปทาง เด็กไปทาง ต่างพากัน “คอนเวิร์ส” ... ทางใครทางมัน จึงขอเตือนผู้ใหญ่ทั้งหลายให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะวัยรุ่นทุกคนคืออนาคตของชาติเรา ทั้งที่เป็นลูก เป็นหลาน เป็นลูกศิษย์ แม้กระทั่งเป็นเด็กที่มาเช่าหอพัก พวกเขาเหล่านี้ล้วนต้องเติบใหญ่เป็นกำลังสำคัญในการทำให้ชาติของเรายืนอยู่ในสังคมโลกอย่างสง่าผ่าเผย

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้คือ “วัยเจริญพันธุ์” และ “ความเบาปัญญา” ของวัยรุ่น

ประการแรกนั้น เราๆท่านๆที่เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนย่อมรู้ดี โดยเฉพาะบุรุษเพศ คงจำได้ว่าสมัยวัยละอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเสเพล เด็กเที่ยว หรือเป็นเด็กเรียน ตอนนั้นเรื่องแบบนี้มันซู่ซ่าขนาดไหน ประการที่สองเป็นการพูดตามหลักวิชาการ มีที่มาจากบทความ “สมองวัยรุ่น” โดย “นอร่า อันเดอร์วู้ด” ค้นคว้าและวิจัยจนพบว่าสมองวัยรุ่นแตกต่างจากผู้ใหญ่ราวกับไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกัน

กล่าวคือพัฒนาการของสมองเป็นไปตามอายุ คุณภาพของสมองวัยรุ่นนั้นแย่มากๆ เพราะสมองส่วนสีเทาซึ่งทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและคิดวิเคราะห์นั้น มีพัฒนาการช้าลงในช่วงวัยนี้ ทำให้วัยรุ่นมีปัญหาการตัดสินใจ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจและไร้เหตุผล ฝรั่งฮือฮากับการค้นพบนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการกำหนดนโยบายระดับชาติและนี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้ใหญ่บ่นอยู่เสมอๆว่า “คุณเด็กพวกนี้มันคิดอะไรของมัน”

ถึงตรงนี้ ผู้ใหญ่ทั้งหลายเข้าใจหรือยังว่า “อภิมหาแท้ง” ครั้งนี้เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทั้งสิ้น ต้องเข้าใจว่าวัยรุ่นเจอปัญหาสองเด้ง และคนที่จะช่วยเขาได้ก็คือคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ผู้ใหญ่บางคนนอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังกระทืบซ้ำความโง่ของวัยรุ่น เช่น เจ้าของหอพักที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นชายหญิง “มั่ว” กันราวกับเป็นโรงแรมม่านรูด เจ้าของผับบาร์ทั้งหลายที่เปิดสถานบันเทิงให้เยาวชนของเรา “ดื่มดิ้นปลิ้นใจ” จนเลยเถิดไปถึงไหนๆ เจ้าของธุรกิจ “หนังโป๊” ทั้งผู้ขายและผู้ผลิตสื่อลามกประเภทต่างๆ ที่สอนวิชาเพศศึกษาภาคพิศดาร ทั้งเปิดบริสุทธิ์และเปิดอะไรต่อมิอะไรจนเยาวชนของเราใจแตก

สำหรับผู้ใหญ่เหล่านั้น คงขอกันได้แค่นี้ แต่ผู้ใหญ่ที่ห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงอนาคตของชาติ หน้าที่ของพวกเราคือทำวัยเจริญพันธุ์ให้เป็นวัยเจริญพร ซึ่งหมายความว่าทำให้เป็นวัยที่ดียิ่งขึ้น

ง่ายๆคือทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกหลาน ทำตัวให้เหมือนเพื่อนเขา หมดสมัยลูกกลัวพ่อแม่จนหัวหดแล้ว เขาหัวหดเมื่อไร แปลว่าเขาพร้อมจะมีโลกส่วนตัว โลกที่คุณไม่อาจเข้าไปยุ่งได้ เมื่อเขาไว้ใจเล่าอะไรให้ฟังก็ต้องรู้จักเก็บอาการ เขาทำดีก็ชมเชยพอไม่ให้เหลิง เขาทำไม่ดีก็อย่าโวยวาย ไม่เช่นนั้นลูกหลานจะไม่กล้าเล่าอะไรให้คุณฟังคุณอีกต่อไป มองว่าเล่าไปก็ถูกด่า ถูกตำหนิ ถูกมองในแง่ลบ

คุณต้องระลึกไว้เสมอว่าความไว้ใจของลูกหลานนำไปสู่การป้องกันปัญหาได้สารพัด ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องการทะเลาะถึงขั้นตบตี ยิงรันฟันแทง รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร คุณจะได้ไม่ต้องพาลูกหลานไปรักษาการติดยา ไปต้องจัดงานศพให้ลูกชายที่ยกพวกไปตีกับเขา และที่น่าอับอายที่สุดคือพาลูกสาวหรือหลานสาวไปทำแท้ง

ด้วยเหตุนี้ คุณจึงต้องสนิทกับเขาให้มากที่สุด เพื่อรู้เรื่องของพวกเขาให้มากที่สุด เพื่อประคับประคองให้พวกเขาผ่านวัยอันตรายไปอย่างสง่างาม ด้วยการรู้ว่าพวกเขาคบหาสมาคมกับเพื่อนแบบใด รู้ว่าพวกเขากำลัง “ติดยา” หรือไม่ รู้ว่าพวกเขาหมกมุ่นมากน้อยเพียงใด รู้ว่าพวกเขามีความคิดอย่างไรกับเพศสัมพันธ์อย่างฉาบฉวย และรู้ว่าพวกเขาเคร่ง ครัดกับการใช้ถุงยางอนามัยมากน้อยเพียงใด

หากเป็นลูกชายหลานชาย คุณต้องสอนให้พวกเขารู้ทันตัวเองว่ากำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เป็นวัยที่มีความต้องการทางเพศสูง ความต้องการนี้ทำให้พวกเขาขาดความยั้งคิด ซึ่งสามารถระบายออกได้อย่างไม่น่าอายและไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ที่สำคัญ คุณต้องสอนให้พวกเขาเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แม้เป็นฝ่ายชายก็ตาม เป็นเรื่องที่จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในชีวิต

หากเป็นลูกสาวหลานสาว คุณต้องสอนให้พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มมาจีบเธอเพราะความใคร่ ไม่ใช่ความรัก คุณต้องสอนให้พวกเธอรู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้งนั้น ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียกับเสีย การเสียตัวแต่ละครั้งนั้นเจ็บแสนเจ็บ เป็นกิจกรรมที่ผู้หญิงมีแต่ขาดทุน คนสมัยก่อนจึงออกอุบายให้มีสินสอดทองหมั้น ไม่ควรให้ใครฟรีๆและง่ายดาย ที่สำคัญคือเสี่ยงต่อการเสียใจ ทำให้กลายเป็นคนมีแผลใจตั้งแต่อายุยังน้อย ส่งผลกระทบไปตลอดชีวิต ยากจะลบเลือน

นอกจากนี้ คุณยังต้องตามทันเรื่องเบาปัญญาของวัยรุ่น ไม่ใช่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วส่ายหน้า คิดอย่างมั่นใจว่าลูกหลานฉันมันคงไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้ เช่น ความคิดว่าสาวคนไหนไม่มีหนุ่มควงเป็นเรื่องน่าอาย หรือ ค่านิยม “ล่าแต้ม” ของเด็กสาว ที่แข่งว่าใครได้นอนกับผู้ชายมากกว่า หากคุณรู้ว่าลูกสาวหลานสาวเป็นสาวกของ “แก๊งสาวล่าแต้ม” คุณต้องสอนให้พวกเขารู้จักป้องกันโรคและป้องกันการตั้งท้อง จากนั้นคุณต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเปลี่ยนความคิดพวกเขา
ช่วยๆกันคนละไม้คนละมือด้วยความเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่นว่าเขาเป็นของเขาแบบนี้ ดีกว่าบ่นเช้าด่าเย็นให้ช่องว่างห่างมากขึ้น ในขณะที่ความไว้วางใจก็ลดลงจนเข้าขั้นวิกฤติ

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน