น่าจะใหความรู้กับคุณแม่นะค่ะ 
ทำลายพัฒนาการ
สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว ซนมากผิกปกติ เรียนรู้ช้า คงไม่มีพ่อแม่คนใดปราถนาให้ลูกตัวเองมีพฤษติกรรมแบบนี้แน่นอน
โรงพยาบาลเวชธานีให้ความรู้เพื่อเป็นการป้องกันและลดอาการเสี่ยงเหล่านี้ เพราะว่า การนอนกรน ในเด็กนั้นสามารถเสี้ยงเกิดอาการที่กล่าวมาได้
เรื่องนี้ได้รับการขยายความโดย นพ. พลพร อภืวัฒนเสวี โสด ศอ นาสิก แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอยภาสะการนอนกรน
ในเด็ก บอกว่า ปัจจุบันภาวะการนอนกรนในเด็ก ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุก่อนวัยเรียน หรือช่วงอายุ 2-6 ขวบ เพราะวัยนี้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกายจะโตขึ้น
รวมทั้งต่อมทอนซินและต่อมอะตีนอยต์ด้วย ทำให้เกอดการอุดกลั้นทางเดินหายใจจนเกิดเสียงกรนซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย และยังเป็นอันตรายที่แฝงมากับเสียงกรนน้อยๆ
มีผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการและสมองของลูกด้วย
"เมื่อลูกน้อยนอนกรน จะทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ เนื่องจากร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ และจะอันตรายมากเมื่อมีอาการหยุดหายใจร่วมด้วยทำให้
ออกซิเจนในเลือดลดลง หัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายมากขึ้น ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวตามมาได้"
นอกจากห่วงเรื่องนอนกรนแล้ว อาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน ปัสสาวะลดที่นอน หลับไม่สนิท นอนดิ้นไปดิ้นมาเหมือนนอนหลับไม่สบาย ผวาตื่นหรือ
ฝันร้ายได้และอ้าปากเสมอเวลานอน ต้องระวังเช่นกัน
ด้าน พญ.มณินทร วรรณรัตน์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจในเด็ก บอกเสริมว่า "พ่อแม่สามารถสังเกตลูกได้ง่ายๆ"
เมื่อลูกหลับแล้วมีเสียงกรนดังเป็นประจำหรือไม่ เสียงนอนกรนขาดๆ หายๆ มีอาการหายใจเฮือกเหมือนคนขาดอากาศ หยุดหายใจเป็นช่วงๆ มีอาการเขียวรอบปากหรือริมฝีปาก
คล้ำขณะหลับ นอนหายใจอกบุ๋มท้องโป่ง หรือในตอนกลางวันมีอาการง่วงนอนมากกว่าผิดปกติเหมือนนอนไม่พอ หงุดหงิดง่าย ซุกซนอยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น หรือปัสสาวะลดที่นอน
หลังอายุ 5 ขวบ หากมีอาการเหล้านี้แสดงว่าลูกเสี่ยงอันตรายจากโรคนี้"
ทั้งนี้ทั้งนั้นแนวทางการรักษาก็ยังมี
พญ.มณินทร บอกว่า หลังจากที่แพทย์วินิฉัยถึงสาเหตุแล้ว แพทย์จะรักษาจากสาเหตุที่ทำให้เกิด เช้น รักษาภูมิแพ้จมูกอักเสบ รักษาต่อมทอนซอลและต่อม
อะดีนอยด์ที่ไตผิดปกติในเด็กโดยการผ่าตัดรักษา หรือใช้เครื่องเป่าอากาศขณะหลับ ถ้าลูกมีอาการผิดปกติพ่อแม่อย่าละเลยเด็ดขาดให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
อันตรายจากการนอนกรนไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ใหญ่แล้ว
ที่มา
ข้อมูลจาก นสพ.มติชน 9 มิ.ย.53
และhttp://www.facebook.com/vejthani?v=app_2347471856