อ่านยากกมากก...ตกหล่นเยอะ..เรียบเรียงหน่ิอยครับ..
เรา
แต่งงานเมื่อตอนอายุ 31 แต่งปุ๊บมีลูกเลย 2 คน ชาย 1 หญิง 1
พอลูกสาวคนเล็กได้ 2 ขวบ มีเหตุต้องเลิกกับสามี ทุกอย่างให้เขาหมด ขอลูกอย่างเดียว เขาไป
แต่งงานใหม่แล้วไม่เคยเจอกันอีกเลย ชีวิตเราลำบากมาก เลี้ยงลูกคนเดียว 2 คน
จังหวะนั้นมีน้องผู้ชายก้าวเข้ามาในชีวิต หนุ่มโสดไม่มีพันธะ ทำธุรกิจในครอบครัว ในขณะนั้นฐานะธุรกิจยังไม่ดี (ไม่เวิร์ค) แต่ต่างคนต่างช่วยเหลือดูแลซึ่งกันละกัน
พอว่างจากธุรกิจที่บ้าน ก็จะมาอยู่กับเราและลูก แรกๆ พยายามจะพาเราเข้าบ้าน แต่พ่อเขาไม่ยอมรับ เราเป็นแค่เพื่อนลูกชายเขา
เขาก็ไม่อยากขัดใจพ่อเขา เลยต่างคนต่างอยู่ อะไรที่พ่อเขาไม่รู้ได้ก็ไม่ต้องรู้
ลูกเรากับเขา ก็เข้ากันได้ดี กลางวันว่างก็จะกินข้าวด้วย แต่มื้อเย็น ถ้าเขาไม่ติดงานเลี้ยงหรือธุระก็กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน คุยกันทุกวันวันละ 2 -3 ครั้ง ดูแลความเป็นอยู่ช่วยเหลือทุกอย่าง เราก็จะดูแลเขาและครอบครัวเขา ถ้าทำได้เป็นบางโอกาส ไม่เข้าไปวุ่นวายในบ้านและชีวิตนอกบ้านของเขา
แต่พอฐานะหน้าที่ธุรกิจเขาเติบโตขึ้นแล้วเราอายุมากขึ้น ความวุ่นวายเริ่มเข้ามาในครอบครัวเรา เพราะเขาเป็นคนไม่ชอบพูด โลกส่วนตัวสูง สังคมเยอะขึ้น เวลาให้เราน้อยลง
18 ปี เริ่มคุยกันไม่ลงตัว พอเพื่อนในธุรกิจเดียวกันถามว่าเราเป็นอะไรกับเขา เขาเริ่มบ่ายเบี่ยง ทั้งๆที่เขาก็ยังไม่มีใครเป็นตัวตน
เคยแต่ได้ข่าวแต่ไม่ชัดเจน แล้วเวลาเราถามเขาก็จะบอกว่าเขายังไม่มีอะไร ถ้ามีแล้วจะบอก ผู้หญิงที่นั่งหน้ารถผมมีหลายสัมพันธ์ บางคนมันไม่ใช่ธุระของผม นี่คือคำตอบ
ตอนนี้เลิกถาม เลิกมอง ถอยหลังออกมา 1 ก้าว ในเมื่อเขายังรับผิดชอบชีวิตเราและลูกเสมอต้นเสมอปลายก็ต้องทำใจว่าวันหนึ่งเขาอาจจะเจอคนที่ใช่ของเขาก็ได้
..เจ็บนะ ถ้าเขาพูด บอก อธิบาย เราคงไม่ทุกข์และคงไม่ต้องเดา ตลอดระยะเวลาที่อยู่กันมา เราพยายามดูแลเขาตั้งแต่หัวจรดท้าย แต่ทำไม่ได้หมด เพราะ ครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นเพราะส่วนหนึ่งเขาต้องไป เขาต้องกลับบ้าน สถานะภาพเขาโสด หน้าดี อ๊อปชั่นครบ สาวๆ ในโทรศัพท์
FACEBOOK เยอะมาก แต่ตัวตนจริงยังไม่เคยเห็นกับตา
เราสั่บสนนะ บางครั้งก็ดึงสติมาเป็นเพื่อนได้ บางครั้งเพื่อนที่เป็นสติ ก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน
เพื่อนๆ ลองแนะความสว่างให้เราบ้าง