ถือเป็นก้าวสำคัญในรอบ 3 ทศวรรษของกลุ่ม “คิง เพาเวอร์” ที่ได้ประกาศนโยบายและแผนธุรกิจ พร้อมโครงสร้างธุรกิจใหม่จาก 4 กลุ่ม เป็น 8 กลุ่ม
ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร (traveler retail) กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (retail) กลุ่มธุรกิจอาหาร (dining) กลุ่มธุรกิจโรงแรม (hospitality) กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (consumer products) กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์ (travel experiences) กลุ่มธุรกิจกีฬา (sports) และ กลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
มุ่งเป็นมากกว่า “ดิวตี้ฟรี”
พร้อมทั้งปรับแบรนด์โพซิชันนิ่ง (re-positioning) และวางแนวทางการสื่อสารการตลาดและสร้างการรับรู้ในแบรนด์ใหม่ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
เรียกว่า จากนี้เป็นต้นไปกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ จะทรานส์ฟอร์มองค์กรตัวเองให้เป็นมากกว่า “ดิวตี้ฟรี” หรือพูดง่าย ๆ คือ “คิง เพาเวอร์” จะไม่ได้มีแค่ธุรกิจดิวตี้ฟรี (traveler retail) อีกต่อไป
ผ่านช่วงยากลำบากที่สุดแล้ว
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา “คิง เพาเวอร์” ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ธุรกิจดิวตี้ฟรีปิดดำเนินการทั้งหมด (ปี 2563-2564) ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย
กลุ่มบริษัทจึงต้องพลิกกลยุทธ์ และลุกขึ้นมาปรับรูปแบบธุรกิจในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยการผนึกพันธมิตรและพนักงานเปิดตัวโครงการเฉพาะกิจทางออนไลน์หลายแคมเปญเพื่อสร้างรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด
อาทิ โครงการ SHOP SAVE STAY SAFE ไม่มีไฟลต์บินก็ช็อปได้ ซึ่งเป็นการช่วยพันธมิตรและผู้บริโภคได้มีช่องทางจำหน่ายและซื้อสินค้าต่าง ๆ พร้อมจัดส่งถึงบ้านฟรี
โครงการ KING POWER TEAM POWER ที่เปลี่ยนพนักงานกว่า 12,000 คนสู่นักขายออนไลน์มืออาชีพ ทำให้มียอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 12,000% และมีรายได้เข้ามาในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในช่วงยากลำบากที่สุด
โครงการ THAILAND SMILES WITH YOU #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม ด้วยการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก โดยการส่งกำลังใจให้ผู้คนทั่วโลกด้วยรอยยิ้มของคนไทยทุกคนให้ก้าวผ่าน
วิกฤตครั้งนี้ร่วมกัน
และสร้างการจดจำประเทศไทยด้วยการสื่อว่าเมื่อทุกอย่างพร้อมขอให้ทุกคนกลับมาประเทศไทย บนเสื้อของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย
ปรับพอร์ตรับนักท่องเที่ยวหวนคืน
พร้อมทั้งหันกลับมาเตรียมความพร้อมรับการกลับมาของการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรีโนเวตพื้นที่ดิวตี้ฟรีและปรับปรุงตกแต่งร้านค้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิครั้งใหญ่บนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร เนื่องจากเปิดดำเนินการมาแล้ว 14 ปี ร้านค้าต่าง ๆ ที่มีเริ่มโทรม รวมถึงหาแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่ม
ภายใต้แนวคิด World Junction สร้างปรากฏการณ์ Duty Free World Class Shopping Destination เพื่อยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ตอกย้ำภาพลักษณ์สนามบินที่มีความครบครันของแฟลกชิปสโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลก
นำเสนอบริการใหม่ในสนามบิน เรียกว่า KING POWER CLICK & COLLECT ผ่านระบบออนไลน์ ช็อปดิวตี้ฟรีออนไลน์ 24 ชม. ช็อปง่ายรับสบายทั้งขาเข้าและขาออก
รวมถึงขยายธุรกิจรับเทรนด์ช็อปปิ้งออนไลน์และพฤติกรรมนักช็อปรุ่นใหม่ ด้วยการเปิดตัว FIRSTER มัลติแพลตฟอร์มแห่งการช็อปปิ้งสายบิวตี้และไลฟ์สไตล์ ในรูปแบบ O2O (online to offline) ทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น และ FIRSTER แฟลกชิปสโตร์ ณ คิง เพาเวอร์ มหานคร และสยามสแควร์ รวมพื้นที่กว่า 2,800 ตารางเมตร
https://www.prachachat.net/tourism/news-1276102