ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมกะเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV CAR นั่นเริ่มมาแรง หลังจากที่ภาครัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยมีความชัดเจนแล้ว และการให้เงินอุดหนุน 70,000-150,000 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์ที่มีราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มหุ้นบางหลักทรัพย์ได้รับอานิสงค์การเติบโตในอนาคตไปด้วย
1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
เปิดสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ที่ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ แห่งที่ 3 อย่างเป็นทางการ ณ อาคารจอดรถ 2 ชั้น 1 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (Energy Complex; EnCo) โดยสามารถรองรับได้มากถึง 21 ช่องจอด เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน EV ตอบรับเทรนด์การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย โดย PTT มีแผนงานที่จะขยายสถานีฯ ไปยังสถานที่ที่ผู้ใช้รถ EV ทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย หรืออยู่ในเส้นทางที่มีการเดินทางในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
2.บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
OR หนุนการใช้พลังงานสะอาด เร่งขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มทั้งในและนอกปั๊ม PTT Station
รวมไปถึงการขยายการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในสถานีบริการน้ำมันที่เป็นพลังงานสะอาด รวมทั้งขยายธุรกิจ Lifestyle ทำให้สถานีบริการ PTT Station ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์การใช้น้ำมัน แต่จะทำเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงธุรกิจร่วมกับพันธมิตร ทำหน้าที่เป็น Inclusive Growth Platform เพื่อรองรับการเติบโต โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทจะเร่งขยายติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 100 แห่ง ขยายเพิ่มเป็น 450 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ แบ่งเป็นการติดตั้งภายในปั๊ม PTT Station เพิ่มในปีนี้ 200 แห่ง และนอกสถานีบริการน้ำมัน 150
3.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
CPALL จับมือกับบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด หรือ EMN มีแผนผลักดันการติดตั้งโครงการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าข้างร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) ให้ได้ถึง 21 สาขา ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่มตลอด 24 ชั่วโมง และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Green Building ตามแนวทางนโยบาย 7 Go Green ไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย Green Building, Green Store, Green Logistic และ Green Living เพื่อลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีนี้รวม 128,426 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tC02e) หรือเปรียบเทียบการปลูกต้นไม้ยืนต้นจำนวน 347,648 ต้น จากปีก่อนสามารถลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 120,031 ตัน หรือเทียบกับการปลูกต้นไม้ยืนต้นจำนวน 332,681 ต้น
4.บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA
DELTA กับธุรกิจ EV Charging ซึ่งบริษัทผลิตภัณฑ์จำหน่าย 2 ส่วนคือ On Board และ Off Board ซึ่งโซลูชันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของเดลต้า สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายพื้นที่ อาทิ ที่อยู่อาศัย สถานประกอบการ สำนักงาน ที่สาธารณะ ปั๊มน้ำมัน และสถานีรถยนต์ หากต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขณะทำงานที่ออฟฟิศหรือแวะพัก ในปั๊มน้ำมัน เพียงแค่ท่านจิบกาแฟไปพลาง ๆ ระหว่างรอพัก รถยนต์ของคุณก็จะพร้อมใช้งานภายในไม่กี่นาที
5.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด หรือ EMN เป็นบริษัทย่อย ของ EA ได้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับการไฟฟ้านครหลวง และบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ในโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Smart Charging Station) ซึ่ง EA ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 425 สถานี โดยบริษัทมีเป้าหมายอย่างน้อย 1,000 สถานีทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
6.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP
บางจากร่วมกับเอ็มจี เปิดจุดให้บริการ MG Super Charge สถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบเร็ว (EV Quick Charging Station) ที่ได้มาตรฐานมากที่สุด เพื่อให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาศรีนครินทร์เป็นแห่งแรก โดยความร่วมมือดังกล่าว จะมีส่วนเสริมให้บางจากสามารถจะขยายจำนวนสถานีชาร์จให้ได้ตามเป้าหมาย 100 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่บางจากมีอยู่ 67 สถานี แบ่งเป็นในต่างจังหวัด 54 สถานี และในกรุงเทพปริมณฑล 13 สถานี เป็นผู้นำในการให้บริการสถานี และมีแผนจะขยายให้ได้อีก 100 สถานีรวมเป็น 200 สถานี นอกจากนี้มีแผนจะขยายจำนวนรถมอร์เตอร์ไซด์ไฟฟ้า winnonie ให้ได้ 2,000-3,000 คัน
7.บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH
บริษัทเตรียมเดินหน้าในการทำการตลาดที่สถานีชาร์จรถ EV ซึ่งเป็นการเติบโตไปควบคู่กับการยานยนต์ไฟฟ้าที่มีโอกาสที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จากการทำตลาดของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่มีการนำรถ EV ออกมาขาย และการสนับสนุนด้านภาษีของภาครัฐที่ทำให้ราคารถ EV ถูกลง และเกิดการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
8.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG
PTG คาดว่า จะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ครบ 30-40 สถานี โดยจะติดตั้งทุกๆ 150-200 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถชาร์จได้ 30 นาที ก็ไปต่อได้ เน้นเส้นทางหลัก สถานที่ท่องเที่ยว แต่ในอนาคตอาจติดตั้งเป็นทุกๆ 100 กิโลเมตร พร้อมคาดว่าภายในปี 65 จะมี 120 สถานี ขึ้นกับดีมานด์ โดยการลงทุนเบื้องต้น ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จะลงทุนให้ทั้งหมด เงินลงทุนสถานีละ 4 ล้านบาท สำหรับจุดแข็งของปั๊ม PT คือ มีจำนวนสถานีบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันเรามี 2,100 สาขา ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดครบ 3,000 สาขา เพราะขยายทุกปี
9.บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI
แสนสิริ ร่วมกับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าอันดับ 2 ในไทย ติดเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าให้บ้านเดี่ยวระดับบนของแสนสิริ 100% ในปีนี้ และจะติดให้ได้ 1,860 หลังภายใน 3 ปี เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 20,000 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 1,300,000 ต้นต่อปี หรือปลูกป่า 6,500 ไร่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่รัฐบาลได้เข้ามาสนับสนุน และเป็นเทรนด์ทั่วโลกที่กำลังต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีการผลักดันให้ประเทศไทยในอนาคตนั้นจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV CAR ที่สำคัญของโลกในปี 2573 นี้อีกด้วย
ที่มา :marketingoops
