ในวาระครบรอบ 90 ปีของตึกเอ็มไพร์สเตทในปี 2564 ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่มาทัศนศึกษาหอชมวิวโฉมใหม่ ด้วยการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการอันเข้มข้นทั้งในส่วนของวิศวกรรม ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และความยั่งยืน
ตึกเอ็มไพร์สเตท จับมือกับ Bank Street College of Education ประกาศปรับปรุงแผนการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับนักเรียนที่มาทัศนศึกษาหอชมวิวโฉมใหม่มูลค่า 165 ล้านดอลลาร์ โดยหลักสูตรดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ของรัฐนิวยอร์กในหลักสูตร STEAM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ศิลปะ และคณิตศาสตร์) และสังคมศึกษา นอกจากนั้นยังแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ให้เหมาะสมสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทัศนศึกษาอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และหอชมวิวที่ได้รับการปรับโฉมใหม่
"Bank Street College of Education ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เด็กนักเรียนที่มายังหอชมวิวได้ดื่มด่ำกับนิทรรศการแบบดิจิทัลและแบบสัมผัสได้จริงมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป" ฌอง-อีฟ กาซี ประธานของหอชมวิวตึกเอ็มไพร์สเตท กล่าว "เรานำเสนอแผนการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่มาเป็นหมู่คณะมาโดยตลอด และในวาระครบรอบ 90 ปี เราได้ปรับปรุงการมีส่วนร่วมในห้องเรียนด้วยการนำเสนอความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมและการประหยัดพลังงานของตึกเอ็มไพร์สเตท"
ครูและนักเรียนสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับงานวิศวกรรม กระบวนการออกแบบ แรงงาน เทคโนโลยีหลัก และการปรับปรุงด้านพลังงานครั้งใหญ่ของตึกเอ็มไพร์สเตท โดยหอชมวิวโฉมใหม่ที่ทุ่มเงินลงทุนไปทั้งสิ้น 165 ล้านดอลลาร์ และปรับปรุงจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2562 พร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสกับอาคารประหยัดพลังงานจากล่างขึ้นบน เริ่มจากนิทรรศการดิจิทัลแบบอินเทอร์แอคทีฟในพิพิธภัณฑ์บนชั้นสองของอาคาร ไปจนถึงหอชมวิวเปิดโล่งบนชั้น 86
การปรับปรุงหอชมวิวมูลค่า 165 ล้านดอลลาร์นั้น ครอบคลุมถึงการปรับปรุงคุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคาร เช่น การติดตั้งระบบกรองอากาศระดับ MERV 13 และระบบควบคุมคุณภาพอากาศในอาคารแบบ bi-polar ionization เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาเยือน ซึ่งส่งผลให้ตึกเอ็มไพร์สเตทเป็นอาคารแห่งแรกในอเมริกาที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน WELL Health-Safety Rating
"การทัศนศึกษาตึกเอ็มไพร์สเตทสอดคล้องกับแนวทางการเรียนการสอนของ Bank Street ซึ่งตระหนักว่าทุกคนเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อมีส่วนร่วมกับสื่อการเรียนการสอน แนวคิดต่าง ๆ และคนอื่น ๆ" จอย ลุนดีน เอลเลบเบน ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาต่อเนื่องทางวิชาชีพของ Bank Street กล่าว "ประสบการณ์และบทเรียนเช่นนี้สร้างโอกาสในการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและได้สัมผัสจริง เรารู้สึกยินดีที่ได้ช่วยเหลือตึกเอ็มไพร์สเตทในการนำเสนอการเรียนรู้เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 90 ปี"
ดูหลักสูตรทั้งหมดได้ที่ https://www.esbnyc.com/about/education-center สำหรับนักการศึกษาที่สนใจสามารถติดต่อ Kai-Ti Kao ได้ที่อีเมล kkao@esbonyc.com เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจัดกลุ่มทัศนศึกษา
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตทได้ที่ http://www.esbnyc.com
เกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตท
ตึกเอ็มไพร์สเตท ซึ่งเป็น "อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก" ของบริษัท เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ (ESRT: NYSE) มีความสูง 1,454 ฟุต (จากฐานถึงเสาอากาศ) เหนือย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน การปรับโฉมหอชมวิวด้วยงบประมาณ 165 ล้านดอลลาร์ได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้มาเยือน ด้วยประตูทางเข้าเฉพาะ พิพิธภัณฑ์อินเทอร์แอคทีฟและแกลเลอรี 9 แห่ง รวมถึงหอชมวิวชั้น 102 ที่ปรับโฉมใหม่ด้วยกระจกเต็มบานจากพื้นถึงเพดาน ขณะที่หอชมวิวชั้น 86 ซึ่งเป็นหอชมวิวแบบเปิดโล่ง 360 องศาเพียงแห่งเดียวที่สามารถชมวิวมหานครนิวยอร์กได้อย่างเต็มตา ก็มอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้มาเยือนด้วยการนำเสนอประวัติศาสตร์อันโดดเด่นของอาคารไปจนถึงสถานะในปัจจุบันในวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.esbnyc.com ทั้งนี้ ปี 2564 เป็นวาระครบรอบ 90 ปีของตึกเอ็มไพร์สเตท ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม 2474 ตึกเอ็มไพร์สเตทได้รับการจัดอันดับให้เป็น "อาคารยอดนิยมของสหรัฐอเมริกา" จากการสำรวจของสถาบันสถาปนิกแห่งอเมริกา และได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโลกจากการสำรวจของ Uber นอกจากนั้นยังครองอันดับ 1 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของมหานครนิวยอร์กจาก Lonely Planet โดยให้การต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 4 ล้านคนจากทั่วโลกทุกปี
นับตั้งแต่ปี 2554 ตึกเอ็มไพร์สเตทใช้ไฟฟ้าพลังงานลมเต็มรูปแบบ และมีผู้เช่าสำนักงานรายใหญ่มากมาย เช่น LinkedIn, Shutterstock และ Global Brands Group นอกจากนั้นยังมีร้านดังอย่าง STATE Grill and Bar, Tacombi และ Starbucks สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและซื้อบัตรขึ้นหอชมวิวได้ที่ esbnyc.com หรือติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook, Twitter, Instagram, Weibo, YouTube และ TikTok