ซาอุดีอาระเบียประกาศแผนงบประมาณปี 2565 มุ่งเน้นการยกระดับภาคบริการ ความยั่งยืนทางการคลัง และการส่งเสริมภาคเอกชน
วันที่ 12 ธันวาคม 2564 คณะรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียภายใต้กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซในฐานะประธานของผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง (Custodian of the Two Holy Mosques) ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2565 โดยมียอดรายจ่ายรวม 9.55 แสนล้านไรยาล ยอดรวมรายรับราว 1.045 ล้านล้านไรยาล และส่วนเกินดุลราว 9 หมื่นล้านไรยาล
ในโอกาสนี้ ฯพณฯ โมฮัมหมัด อัล-จาดาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้แสดงการขอบคุณผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง ได้แก่ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ และเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ ผู้เป็นมกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ที่ได้อนุมัติงบประมาณดังกล่าว ทั้งนี้ อัล-จาดานชี้ว่า นโยบายและกระบวนการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่รัฐบาลดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบ ทำให้สามารถควบคุมผลกระทบของโรคในด้านมนุษยธรรม การเงิน และเศรษฐกิจได้ ด้วยการสนับสนุนภาคบริการสุขภาพและภาคเอกชนอย่างแข็งแกร่ง โดยที่ยังคงรักษาความยั่งยืนทางการคลังสำหรับระยะกลางและระยะยาว ท่านรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นโยบายเหล่านี้ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการทยอยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นซึ่งแสดงการเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่
อัล-จาดานชี้ว่า งบประมาณประจำปี 2565 สะท้อนความมุ่งหมายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตโรคระบาด และจัดสรรทรัพยากรด้านสุขภาพ การศึกษา และการพัฒนาภาคบริการที่เป็นแกนหลัก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและสิทธิประโยชน์ทางสังคมต่อไป อัล-จาดานระบุว่า งบประมาณนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูปเพื่อพัฒนาการจัดการการเงินสาธารณะ พร้อมทั้งรักษาเพดานการใช้จ่ายในลักษณะที่ทำให้เกิดความยั่งยืนทางการคลังในระยะกลางและนำมาซึ่งสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งซึ่งจะช่วยให้รัฐสามารถตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลงฉุกเฉิน และสามารถดูดซับแรงกระแทกจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงโดยไม่คาดคิด
อัล-จาดานกล่าวว่า ตัวเลขประมาณการของงบประมาณประจำปี 2565 บ่งชี้ว่ารายรับโดยรวมจะถึง 1.045 ล้านล้านไรยาล เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับรายรับที่คาดการณ์ไว้ในปี 2564 ขณะที่รายจ่ายรวมคาดว่าจะอยู่ที่ราว 9.55 แสนล้านไรยาล โดยมีส่วนเกินดุล 9 หมื่นล้านไรยาล (2.5% ของจีดีพี) ส่วนเกินดุลดังกล่าวนี้จะใช้เพื่อเพิ่มเงินคงคลังของรัฐบาล, สนับสนุนกองทุนเพื่อการพัฒนาแห่งชาติและกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ, คำนึงถึงความเป็นไปได้ของการเร่งการดำเนินโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่มีมิติทางเศรษฐกิจและสังคม หรือเพื่อชดใช้หนี้สาธารณะบางส่วนโดยขึ้นอยู่กับสภาพตลาด
ในแง่ของหนี้สาธารณะ ท่านรัฐมนตรีคาดว่าหนี้สาธารณะจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 โดยลดลงเหลือราว 25.9% ของจีดีพี จาก 29.2% ในปี 2564 จากการคาดการณ์เรื่องงบประมาณเกินดุลและการเติบโตของจีดีพี โดยมีข้อแม้ว่าเงินที่กู้มาจะต้องใช้เพื่อชดใช้หนี้ก้อนหลักที่มีกำหนดการจ่ายในอนาคต หรือเพื่อลงทุนในโอกาสในตลาดที่มีแนวโน้มที่ดีเพื่อสนับสนุนเงินคงคลังหรือเป็นเงินทุนสนับสนุนโครงการที่สามารถเร่งผลักดันได้อย่างรวดเร็วผ่านการออกพันธบัตรประจำปี ท่านรัฐมนตรียังชี้ว่า คาดว่าสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีจะยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมในปี 2567 ที่ 25.4% และกล่าวเสริมว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังพัฒนากรอบการทำ
งานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงซึ่งมุ่งติดตามและสังเกตการณ์พัฒนาการที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นและระบบเศรษฐกิจโลก เพื่อระบุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากพัฒนาการเหล่านั้นและประเมินผลกระทบที่จะตามมา