เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) จัดอันดับความน่าเชื่อถือของกองทุนโอเปก (OPEC Fund) ที่ระดับ AA/A-1+ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวก โดยเป็นการจัดอันดับสถาบันนี้ครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ากองทุนโอเปกมีโปรไฟล์ความเสี่ยงทางการเงินและพื้นฐานเงินทุนที่อยู่ในระดับ "แข็งแกร่งอย่างยิ่ง" ตลอดจนฐานะการเงินและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ เอสแอนด์พียังเน้นย้ำอีกด้วยว่า กองทุนโอเปกมี "โปรไฟล์ความเสี่ยงองค์กรที่แข็งแกร่ง" และมีประวัติการดูแลเจ้าหนี้ที่ "แข็งแกร่งมาก"
ก่อนหน้านี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้จัดอันดับกองทุนโอเปกที่ระดับ AA+ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มมีเสถียรภาพเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกองทุนโอเปกมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานด้านสินเชื่อ และเตรียมที่จะเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนกลยุทธ์ประจำปี 2573 ทั้งนี้ นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2519 จนถึงปัจจุบัน กองทุนโอเปกได้ทุ่มเงินไปแล้ว 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในการสนับสนุนโครงการพัฒนาต่าง ๆ ใน 125 ประเทศทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน พร้อมสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้
นายอับดุลฮามิด อัลคาลิฟา ผู้อำนวยการใหญ่ประจำกองทุนโอเปก ได้แสดงความยินดีที่ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า "การประเมินของเอสแอนด์พีถือเป็นบทพิสูจน์ถึงรากฐานทางการเงินและการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างมากของเรา รวมถึงประวัติของสถาบันที่เดินหน้าสร้างการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 45 ปี กองทุนโอเปกได้ทุ่มความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความยากจน พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งของชุมชน และสร้างพลังให้กับผู้คน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้สถาบันของเราเป็นหนึ่งในพันธมิตรชั้นนำในความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา การจัดอันดับในวันนี้ถือเป็นหน่วยโครงสร้างที่สำคัญในกลยุทธ์ของเรา ที่มุ่งขยายการดำเนินงานและส่งเสริมอิทธิพลในเชิงบวกให้กว้างไกลกว่าเดิม"
นายทาเรก เชอร์ลาลา ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่กองทุนโอเปก กล่าวว่า "การจัดอันดับเครดิตของเอสแอนด์พีไม่เพียงแต่ช่วยยืนยันถึงประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของเราเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์ของเรา การจัดอันดับนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดทางสู่การผลักดันบริการสินเชื่อให้ขยายตัวขึ้น ควบคู่ไปกับการสนับสนุนความพยายามของเราในการช่วยให้ประเทศต่าง ๆ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรับมือกับปัญหาเร่งด่วนในปัจจุบัน อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ"
