Royal Commission for AlUla และองค์การยูเนสโก ประกาศความร่วมมือเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของซาอุดีอาระเบียสู่ทั้งโลก
- ความตกลงใหม่นี้ซึ่งเพิ่งมีการลงนามในปารีส เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาทางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มคนของ RCU และองค์การยูเนสโก ในการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและชุมชนทั่วโลก
- ความตกลงที่เพิ่งประกาศครั้งนี้ทำหน้าเป็นแผนแนวทางในการจัดแสดงการแนะนำมรดกทางกายภาพและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของซาอุดีอาระเบียและเมืองอัลอูลาในเวทีโลก
- ความตกลงครั้งนี้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการอนุรักษ์มรดก การศึกษาและการเสริมสร้างศักยภาพ ธรรมชาติและศิลปะสร้างสรรค์ในเมืองอัลอูลา
Royal Commission for AlUla (RCU) ได้ลงนามความตกลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับองค์การยูเนสโก (UNESCO) เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างสูงในทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย
ความตกลงดังกล่าวลงนามในสำนักงานใหญ่ขององค์การยูเนสโกในปารีส และมุ่งเร่งให้เกิดความเฟื่องฟูทางวัฒนธรรมและสังคมเศรษฐกิจของเมืองอัลอูลา ด้วยการอนุรักษ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม ตลอดจนวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยการส่งเสริมการเสริมสร้างศักยภาพและการถ่ายทอดความรู้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกที่ได้เข้าร่วมในความพยายามของ RCU ในการเปลี่ยนเมืองอัลอูลาให้เป็นสถานที่ที่เป็นมาตรฐานสำหรับมรดก ธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม
ความร่วมมือครั้งนี้ลงนามโดยเจ้าชายบาดร์ บิน อับดุลเลาะห์ อัล ซาอุด (HH Prince Badr bin Abdullah Al-Saud) ผู้ว่าการ RCU และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมซาอุดีอาระเบีย ร่วมกับ Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโก HH Princess Haifa AlMogrin ทูตและผู้แทนถาวรของซาอุดีอาระเบียประจำยูเนสโก และ Amr AlMadani ซีอีโอของ RCU
Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโก ประกาศว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับองค์การยูเนสโก เป็นการสานต่อประวัติศาสตร์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2489 เมื่อซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกขององค์การของเรา ในวันนี้ ความร่วมมือระหว่างองค์การยูเนสโกและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ดำเนินไปข้างหน้าด้วยอีกก้าวที่สำคัญ เพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูมิภาคอัลอูลา"
เจ้าชายบาดร์ ผู้ว่าการ RCU และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า "เป็นวิสัยทัศน์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman) มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่จะเปลี่ยนเมืองอัลอูลาให้เป็นสถานที่ระดับโลกในด้านมรดก ธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม การลงนามในความตกลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เป็นอีกช่วงเวลาสำคัญในเส้นทางของเรา ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนี้ และถือเป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันยืนยาวระหว่างซาอุดีอาระเบีย RCU และองค์การยูเนสโก ความร่วมมือครั้งนี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยจะเชื่อมต่ออดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเมืองอัลอูลา ด้วยการใช้ประโยชน์จากพลังแห่งการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงที่มีผลในระยะยาว"
HH Princess Haifa AlMogrin ทูตและผู้แทนถาวรของซาอุดีอาระเบียประจำยูเนสโก กล่าวว่า "ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่เป็นมรดกสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์สูงสุดแห่งหนึ่ง โดยเมืองอัลอูลานี้นับว่ามีความโดดเด่นและสร้างแรงบันดาลใจมากที่สุด ในฐานะสถาบันระดับโลกที่มุ่งเชิดชูและอนุรักษ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมรดก องค์การยูเนสโกจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนพันธกิจของ RCU ซึ่งมุ่งเติมเต็มศักยภาพของภูมิภาคอัลอูลา ตลอดจนผู้คนในภูมิภาค สถานที่สำคัญ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ด้วยโครงการการพัฒนาและโครงการทางเศรษฐกิจที่หลากหลายซึ่งสะท้อนยุทธศาสตร์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียและความพยายามในการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การยูเนสโก"