EA จ่อบุ๊กส่งมอบรถบัสไฟฟ้าล็อตแรก 100คัน ช่วงไตรมาส 3/2564 หนุนรายรับพุ่ง พร้อมคอนเฟิร์มปีนี้รายได้โต 20-30% จากปีก่อน รับทรัพย์โรงไฟฟ้า-ธุรกิจ EV เต็มสูบ ส่วนงบวางไว้ราว 6.1พันล้านบาท เสริมแกร่งพลังงาน-กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า
นายวสุ กลมเลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และการวางแผนการลงทุน บริษัท
พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทคาดในช่วงไตรมาส 3/2564 จะมีการส่งมอบรถบัสไฟฟ้าล็อตแรก ประมาณ 100 คัน หลังโรงงานประกอบรถยนต์ในส่วนดังกล่าวแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2564 รวมทั้งน่าจะมีการส่งมอบเพิ่มเติมอีกราว 400 คัน ในช่วงไตรมาส 4/2564 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้คงทำให้ตัวเลขการส่งมอบรถบัสไฟฟ้าปีนี้รวมอยู่ที่ราว 500 คัน (ราคาขายเฉลี่ยอยู่ราว 7 ล้านบาทต่อคัน) ตลอดจนผลักดันให้ภาพรวมธุรกิจเป็นไปตามที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการปี 2564 บริษัทเชื่อรายได้คงเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ราว 1.71 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจจะมีการรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถบัสไฟฟ้าเข้าเพิ่มเติม นอกเหนือจากธุรกิจในส่วนโรงไฟฟ้าและพลังงานในส่วนอื่นๆ ที่ดีขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ
จ่อเปิดรง.แบตเตอรี่
ขณะที่ในปีนี้ทาง EA วางงบลงทุนไว้ราว 6.1 พันล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในธุรกิจพลังงาน สัดส่วน 46%, ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า 25% , ธุรกิจแบตเตอรี 20% , ธุรกิจสถานีชาร์จ 7% และอีก 2% สำหรับลงทุนโครงการใหม่ ส่วนธุรกิจเดิมทั้งธุรกิจไบโอดีเซล & PCM และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนส่วนใหญ่ นำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ เพื่อให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น รวมถึงมองหาการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคตต่อไป
นายวสุกล่าวเสริมว่า ในแง่ความคืบหน้าโครงการโรงงานผลิตแบตเตอรีลิเทียมไอออน เฟสที่ 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ปัจจุบันการก่อสร้างถือว่าคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว โดยน่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างเสร็จและเริ่มผลิตได้ช่วงปลายไตรมาส 3/2564 หรือต้นไตรมาส 4/2564
จับตา Q3 ผลงานโตต่อ
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนะนำ "ซื้อ" หุ้น EA ให้ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท หลังแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 1.19 พันล้านบาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะกำไรธุรกิจไบโอดีเซลและพลังงานทดแทนลดลง Norm Profit ในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 1.28 พันล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 3/2564นั้นมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจพลังงานทดแทนและเริ่มเปิดเชิงพาณิชย์แบตเตอรี 1GWh โดยคาดว่ารายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะสูงขึ้น และอุปสงค์ไฟฟ้ายังคงสูงแม้มีล็อกดาวน์ แต่การ WFH ก็ทำให้ภาคครัวเรือนใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สำหรับธุรกิจแบตเตอรี ที่บริษัทใช้เทคโนโลยีของ Amita Technology เลื่อนเปิดดำเนินการ จากกลางปี 2564 มาเป็นในไตรมาส 3/2564 เพราะโควิดระบาดรุนแรง ลูกค้าเป้าหมายคือ รถบัสไฟฟ้า, เรือเฟอร์รี่ไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น และช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมผลงานในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวดีขึ้น
อนาคตไกล 72 บ.
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมทั้งยังมีปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะต่อไป คือ ธุรกิจแบตเตอรี ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและไบโอดีเซล ยังให้กระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง จึงทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 13% จากปี 2563 และขยายตัวต่อเนื่องอีก 36% ในปีหน้าจึงทำให้ทางฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น EA ให้ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท
ที่มา:https://thunhoon.com/
