เอกชนตบเท้าเชียร์ เปิดประเทศ ใน 120 วัน หนุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จี้ฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน 70 % ของประชากรและต้องมีแผนสำรองรับความเสี่ยง กังวล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” หากไม่สำเร็จ เปิดประเทศจะเป็นเรื่องยาก “พิพัฒน์” ยันคุมแพร่ระบาดโควิดได้ ติดเชื้อหลัก 10 ไล่ เปิดพื้นที่ท่องเที่ยว
การประกาศเปิดประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ตั้งเป้าหมายเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน หรือภายในเดือนตุลาคม 2564 ที่คาดการณ์ว่า ประชาชนทั้งประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน หรือราว 70 % ของจำนวนประชากรโดยหวังจะพลิกฟื้นประเทศไทยจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรเทาความเดือดร้อน ให้ประชาชนกลับมาทำมาหากิน ได้อีกครั้ง
คำแถลงของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาตอบรับ แต่ก็ยังมีความกังวลว่า โรดแมพที่จะเดินไปนั้น รัฐบาลมีความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแล้วหรือยัง รวมถึงการจัดหาและการฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีความปั่นป่วนอยู่
ยัน120วันเปิดได้แน่
นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า หากวัคซีนมาได้ตามแผน และไม่มีแรงกระเพื่อมของการแพร่ระบาด ใน 120 วัน จะสามารถเปิดประเทศทั้งประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางเข้ามาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว
“การเปิดประเทศใน 120 วันคือเป้าหมาย ผมเชียร์นายกในเรื่องนี้ เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปต่อไม่ไหวแล้ว แต่การจะเปิดการท่องเที่ยวในจังหวัดไหนได้ก่อน-หลัง ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละจังหวัด ในการฉีดวัคซีนพื้นที่นั้นๆ เป็นสำคัญ ที่ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีน 70% แล้ว และต้องควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่ได้ให้ เหมือนกับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”
สำหรับการเตรียมความพร้อมของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นั้น จะร่วมกับจังหวัดต่างๆ และจะเน้นไปในพื้นที่ 10 จังหวัดท่องเที่ยวก่อน ได้แก่ ภูเก็ต พังงา สุราษฏร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมองว่าหลังจากเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ภูเก็ตแล้ว พื้นที่ต่อไปน่าจะเป็นเกาะสมุย-เกาะเต่า-เกาะพะงัน ซึ่งมีการหารือกับศบค.ชุดเล็กไปแล้ว แต่รูปแบบของเกาะสมุยจะแตกต่างจากภูเก็ต คือ นักท่องเที่ยวที่เข้าสมุย 3 วันแรกต้องกักตัวอยู่ในห้องพัก อีก 4 วันสามารถอยู่ภายในบริเวณโรงแรมได้ และอีก 7 วัน จะสามารถเดินทางไปเที่ยว 3 เกาะในเกาะสมุย-เกาะเต่า-เกาะพะงันได้ คาดว่าจะเริ่มได้ในอีก 2 สัปดาห์หลังเปิดภูเก็ต
จากนั้นในอีก 3-4 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่เกาะ อาทิ เกาะพีพี เกาะไหง เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พื้นที่เขาหลัก จ.พังงา เกาะล้านพัทยา เกาะช้าง เกาะกูด จะมีการเข้าไปเตรียมความพร้อม คาดว่าจะทยอยเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หรือสิงหาคม เป็นอย่างช้า
ความเสี่ยง-ตัวแปรเพียบ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การจะเปิดประเทศใน 120 วัน มีข้อดีส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นำเงินจากต่างประเทศมาอัดฉีดเศรษฐกิจ แต่ก็มีความเสี่ยง เพราะยังไม่เห็นแผนหรือมีมาตรการ ควบคุมดูแล ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ขณะที่การกระจายวัคซีน ปัจจุบันยังเป็นปัญหาอยู่ทำให้ประชาชนขาดความเชี่อมั่น ขาดความเป็นเอกภาพของภาคการเมืองในการบริหารประเทศยังไม่มี การนำเข้า ปริมาณวัคซีน และการกระจายวัคซีน ยังไม่สอดคล้องกับ เงื่อนเวลา 120 วัน
ดังนั้น การเปิดประเทศต้องติดตามการดำเนินงานของภูเก็ต แซนด์บ็อก อย่งใกล้ชิด ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าใน 120 วันข้างหน้าจะเปิดประเทศแบบไหน เปิดอย่างไร เพราะรัฐบาลจะเปิดประเทศได้ก็ต่อเมื่อทำให้ประเทศมีความเสี่ยงต่ำที่สุด
เปิดประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ ZEN กล่าวว่า ถ้าประเมินจากสถานการณ์การติดเชื้อหรือแพร่ระบาดในปัจจุบัน การเปิดประเทศถือว่าเป็นไปได้ยาก เพราะต้องประเมินผลจาก 3 ส่วนก่อน ได้แก่
1. ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีปริมาณการฉีดวัคซีน 70-80% ของประชากรจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากน้อยเพียงใด
2. ปริมาณวัคซีนที่นำเข้ามาฉีดให้คนไทยเพียงพอหรือไม่ เพราะต้องฉีดอย่างน้อย 5 แสนคนต่อวัน 10 ล้านคนต่อเดือน
3. ปริมาณของผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมีนัยยะหรือไม่
“การเปิดประเทศโดยที่ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีวิธีการควบคุม ไม่มี “ทราเวลบับเบิล” ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และจะสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้น ความลังเลของนักท่องเที่ยว ก็จะเกิดขึ้นเพราะคนพื้นที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ตรงกันข้ามถ้ารัฐบาลสามารถควบคุมการติดเชื้อให้ลดลงต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน เปิดประเทศ 120 วันถึงจะพอเป็นไปได้”
https://www.thansettakij.com/content/covid_19/484498