หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: เริมที่ปาก รักษาอย่างไร ?  (อ่าน 11 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 28 ธ.ค. 20, 15:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

หากพูดถึง“โรคเริมที่ปาก”หลายคนคงรู้สึกเขินอาย เวลาที่เกิดรอยแผลขึ้นบริเวณริมฝีปาก และเลือกใช้วิธีการรักษาแบบผิด ๆ จนทำให้เริมที่ปากหายช้า หรือมีอาการกำเริบมากขึ้นกว่าเดิม ความจริงแล้ว เริมที่ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าHerpes Simplex ชนิดที่ 1ซึ่งไม่สามารถหายขาดจากโรคนี้ได้ เพราะเชื้อไวรัสจะแฝงตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกาย คนที่เคยเป็นเริมที่ปาก จึงมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้น เราจึงควรรู้จักวิธีการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อบรรเทาอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตหรือป้องกันไม่ให้มีอาการกำเริบอีกได้ครับ

สาเหตุของเริมที่ปาก มีอะไรบ้าง

ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมนั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกันคือ Herpes Simplex ชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ถึงจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมที่ปาก คือชนิดที่ 1 และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศคือชนิดที่ 2 ไม่ใช่ชนิดเดียวกัน ซึ่งไวรัสเหล่านี้อาจอยู่ในน้ำลาย สารคัดหลั่ง น้ำอสุจิ ฯลฯ โดยไวรัสเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง ตัวอย่างเช่น แผลถลอก เยื่อเมือก เยื่อบุช่องปาก เป็นต้น

อาการเริมที่ปาก

มีตุ่มน้ำใส ๆ เล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก เป็นกลุ่มขนาดประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร
อาจมีตุ่มที่เหงือก ลิ้น และเพดานปาก
หากตุ่มแตกออกจะมีลักษณะเป็นแผลตื้น มีเหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก
รู้สึกคัน ปวดแสบ ปวดร้อน
บางราย มีอาการไข้ เจ็บคอ หรือต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย

ระยะการดำเนินของโรค
ระยะที่การดำเนินของโรคเริมที่ปาก
1มีอาการคัน ระคายเคือง ก่อนเกิดตุ่มพอง
2เริ่มมีแผลพุพองเกิดขึ้น บริเวณริมฝีปาก เป็นตุ่มใส
3มีแผลพุพองเต็มขั้น ตุ่มใสกระจุกตัวรวมกัน และรู้สึกแสบร้อน
4แผลเริ่มแห้งและตกสะเก็ด
5แผลตกสะเก็ด และหายไป โดยไม่แสดงอาการ

ติดต่อกันได้หรือไม่ ?
โรคเริมที่ปากสามารถติดต่อกันผ่านทางน้ำลาย และสารคัดหลั่งต่าง ๆ หากผู้ป่วยมีการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้หลอดดูดเดียวกัน ใช้ช้อนส้อมเดียวกันในการรับประทานอาหาร การลองลิปสติกแท่งเดียวกัน การใช้ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน แม้กระทั่ง การจูบปาก หรือทำออรัลเซ็กส์ พฤติกรรมเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากอีกฝ่ายได้
การรักษาเริมที่ปาก
ปกติแล้ว แผลเริมที่ปากจะค่อย ๆ ทุเลาลงและหายได้เองประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากต้องการรักษาให้หายเร็ว ก็สามารถรักษาได้ทั้งการใช้ยาและการใช้สมุนไพรต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม หากยังไม่หาย หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยภายในระยะเวลา 1 ปี แนะนำให้กลับไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างจริงจัง
ยารักษาเริมที่ปาก
การรักษาเริมที่ปากด้วยการใช้ยานั้น จะมีทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาภายนอก โดยผู้ป่วยควรจะใช้ควบคู่กันเพื่อทำให้แผลหายไวขึ้น ได้แก่ Acyclovir, Famcyclovir และต้องให้แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเป็นผู้สั่งยาให้เท่านั้น ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรรับประทานจนหมดแผง เพื่อลดโอกาสการดื้อยา และการเกิดซ้ำของโรค หากคุณมีอาการครั้งแรก แนะนำให้รับประทานยาให้เร็วที่สุด ภายใน 48 ชั่วโมง การทานยา Acyclovir (400 mg.) จะทานครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลา ติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากยังกลับมาเป็นซ้ำอีก ให้ทานยาตัวนี้เพิ่มอีกประมาณ 5 วัน และใช้ยาทา Acyclovir Zovirax, Virogon, Vilerm, Zevin ฯลฯ ร่วมด้วย จะช่วยลดความรุนแรงของอาการลงได้เร็วยิ่งขึ้น
สมุนไพรรักษาแผลที่ปาก
ว่านหางจรเข้
ว่านหางจรเข้ มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการแสบร้อน และยับยั้งไม่ให้แผลเริมที่ปากเกิดการติดเชื้อ คุณสามารถเลือกซื้อว่านหางจรเข้ 100% แบบสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือนำมาสด ๆ จากต้นว่านหางจรเข้เลยก็ได้ แต่ต้องปอกเปลือกล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ใช้บริเวณวุ้นใส ๆ ของว่านหางจรเข้นำมาทาเบา ๆ ที่แผล ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วล้างออก ทำบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้แผลเริมที่ปากหายไวขึ้น ทำให้แผลไม่แห้งแตก เพิ่มความชุ่มชื่นบริเวณริมฝีปาก และยังช่วยให้รอยแผลดูจางลงอีกด้วย
พญายอ
พญายอ มีสรรพคุณคล้ายกับว่านหางจรเข้ แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ พญายอช่วยฆ่าเชื้อไวรัสและยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้ เมื่อใช้ครีมพญายอ แผลของผู้ป่วยเริมที่ปากจะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ซึ่งต่างจากยาทา Acyclovir ครีม ที่มีราคาแพงกว่าและทำให้แสบบริเวณแผลได้ตอนที่ทา
น้ำแข็ง
แนะนำให้ใช้ในวันแรกที่มีอาการกำเริบ เพราะเริมที่ปากอาจทำให้แสบคันบริเวณริมฝีปากได้ การนำน้ำแข็งสะอาดมาประคบบริเวณที่รู้สึกแสบร้อน จะช่วยให้อาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรเป็นน้ำแข็งที่ทำเองจากน้ำสะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อาจจะเข้าแผล และควรล้างมือให้สะอาดก่อนจับน้ำแข็งประคบบริเวณแผลด้วย

ถึงแม้ว่า โรคเริมที่ปากจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในช่วงที่ป่วยเป็นโรคนี้ หากดูแลตัวเองให้มากที่สุด ปล่อยวางจากความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ ก็จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้นครับ

ป้องกันตัวอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นเริมที่ปากซ้ำ?
ปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้เกิดอาการเริมที่ปากซ้ำได้ คือ สุขภาพของคุณในขณะนั้น หากอยู่ภาวะเครียดเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ตากแดดบ่อย ดื่มน้ำเปล่าน้อย รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคุณที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ ร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานเชื้อไวรัสเดิมที่อยู่ในร่างกายได้ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง อาการเริมที่ปากก็กลับมากำเริบซ้ำอีก
สรุป
เราได้รู้ถึงสาเหตุของโรคเริมที่ปากไปแล้วว่าเกิดจากอะไร และสามารถรักษาให้อาการไม่กำเริบได้อย่างไร ถึงแม้จะไม่สามารถหายขาดได้ แต่การเข้าใจโรคนี้อย่างถูกต้อง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเสี่ยง หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็หมดความกังวลเกี่ยวกับเริมที่ปากอีกต่อไปครับ
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.hivthai.com

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:   Go
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม